Blog Detail

เงาของเหตุการณ์ที่จะตามมาในภายหลัง

26 เม.ย. 21
Sunete
No Comments

เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกินการดื่ม  สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์ โคโลสี 2:16-17

เมื่อคุณเริ่มนึกได้ว่าพระคัมภีร์ทั้งเล่มเป็นประโยชน์สำหรับชีวิตของเราและคุณจะเริ่มเข้าใจพระคัมภีร์เดิมโดยที่ความเชื่อของเราอยู่ในรากฐานความเชื่อของชาวฮีบรู คุณจะเริ่มเห็นพระคัมภีร์ทั้งเล่มมีชีวิตขึ้นมาและมีความหมายยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้ว อ.เปาโลกล่าวในโคโลสีบทที่ 2:16-17 ว่า อย่าให้ใครมาตัดสินคุณหรือมาตำหนิต่อว่าในเรื่องการถือเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต(ที่พระเจ้าแต่งตั้ง) ซึ่งในความเป็นจริงมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราถูกสอนในคริสตจักรทุกวันนี้ (ดูเพิ่มเติมได้ การอ่านพระคัมภีร์ในบริบทที่เหมาะสม ในบทความชื่อ”Reading the Bible in proper context “).

เนื่องจากว่าคริสตจักรส่วนใหญ่จะสอนต่อต้านคำแนะนำของพระเจ้าเกี่ยวกับวิธีนมัสการพระองค์ คริสเตียนจึงสูญเสียเหตุการณ์ครั้งสำคัญหลายๆ เหตุการณ์ ที่จะบอกเราถึงสิ่งดี ๆ ที่จะตามมา ความลึกลับที่น่าอัศจรรย์ในคำสอนหรือการแนะนำของพระเจ้า(โทราห์) มันเป็นเงาของสิ่งดีๆที่จะตาม:

ฮิบรู10:1 โดยเหตุที่พระราชบัญญัตินั้นได้เป็นแต่เงาของสิ่งดีที่จะมาภายหน้า มิใช่ตัวจริงของสิ่งนั้นทีเดียว พระราชบัญญัตินั้นจะใช้เครื่องบูชาที่เขาถวายทุก ๆ ปีเสมอ มากระทำให้ผู้ถวายสักการบูชานั้นถึงที่สำเร็จไม่ได้

ในบทความนี้เราจะได้สัมผัสกับเงาหลายอย่างที่พบได้ในพระคัมภีร์ ยิ่งคุณเข้าสู่พระวจนะของพระเจ้าได้ลึกเท่าไหร่คุณก็จะค้นพบว่าพระเจ้าทรงวางแผนทุกอย่างไว้ตั้งแต่เริ่มต้นแม้ว่าบางครั้งสิ่งต่างๆ เหล่านั้นอาจจะดูน่ากลัว แต่เราก็ได้รับการปลอบโยนเสมอโดยความจริงที่ว่า “พระเจ้าทรงควบคุมทั้งหมดอยู่”!

เราจะมาดูกันว่าการทรงสร้างเป็นเงาของแผนการของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติอย่างไรบ้างรวมถึงคำแนะนำของพระองค์ เกี่ยวกับวิธีนมัสการพระองค์เป็นภาพสะท้อนการเสด็จมาครั้งแรกและการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู ซึ่งได้เชื่อมโยงกันตั้งแต่ปฐมกาลถึงวิวรณ์

ดังนั้นให้เรามาเริ่มตั้งแต่แรกเพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

อิสยาห์ 46:10 ผู้แจ้งตอนจบให้ทราบตั้งแต่เริ่มต้น และแจ้งถึงสิ่งที่ยังไม่ได้ทำเลยให้ทราบตั้งแต่กาลโบราณ กล่าวว่า `แผนงานของเราจะยั่งยืน และเราจะกระทำให้ความประสงค์ของเราสำเร็จทั้งสิ้น’

การทรงสร้าง

คำพยากรณ์ที่อิสยาห์ให้ไว้ สรุปสิ่งที่เรากำลังจะดูในปฐมกาลหรือในภาษาฮีบรู เบเรชิตבראשית (“ เริ่มแรก”) ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกของพระคัมภีร์

ปฐมกาล1:1 ในเริ่มแรกนั้นพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดินโลก

เรื่องราวการสร้างโดยตัวมันเองเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะเห็นเงาของสิ่งต่างๆที่จะตามมา คำภาษาฮีบรูสำหรับ ‘เริ่มแรก’ Bereshit เบเรซิตבראשית นั้นมีความลึกซึ้งมากจนคุณสามารถเขียนบทความทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง สำหรับผู้ที่สนใจความลึกลับนี้โปรดตรวจสอบลิงค์ชื่อนี้: Is the End of Days Prophesied in the First Word of the Bible? วันสิ้นโลกได้พยากรณ์ไว้ในคำแรกของพระคัมภีร์หรือไม่?

อีกเบาะแสหนึ่งที่ว่าการทรงสร้างเป็นเงาของสิ่งที่จะตามมาภายหลัง มีให้ดูในจดหมายของอัครทูตเปโตรซึ่งเขาโยงไปถึงพระธรรมสดุดี

2 เปโตร 3:8 แต่พวกที่รัก อย่าลืมข้อนี้เสีย คือวันเดียวขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนกับพันปี และพันปีก็เป็นเหมือนกับวันเดียว

สดุดี 90:4 เพราะพันปีในสายพระเนตรของพระองค์เป็นเหมือนวานนี้ซึ่งผ่านไปแล้ว หรือเหมือนยามเดียวในเวลากลางคืน

เราเห็นว่าสำหรับพระเจ้าวันหนึ่งก็เหมือนพันปีของเราและการทรงสร้างใช้เวลา 6 วันและในวันที่เจ็ดพระเจ้าทรงหยุดพัก แล้วเงา ทีจะตามมาเป็นอย่างไร?

เมื่อแบ่งการทรงสร้างตามลำดับของวันเราจะได้ภาพรวมดังนี้:

วันที่ 1: แยกความสว่างออกจากความมืด
วันที่ 2: แยกแผ่นดินและน้ำ
วันที่ 3: สร้างพืชและเมล็ดพันธุ์ที่ให้ผล
วันที่ 4: สร้างดวงอาทิตย์สำหรับกลางวันและดวงจันทร์และดวงดาวสำหรับกลางคืน
วันที่ 5: สร้างนกในอากาศและปลาในน้ำ
วันที่ 6: สร้างบรรดาสัตว์และสร้างมนุษย์และให้มีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดินให้มีอำนาจปกครองบรรดาสัตว์และครอบครองสิ่งต่างๆในโลก
วันที่ 7: หยุดพักงานเป็นวันสะบาโตที่ถูกแต่งตั้งขึ้นและถูกแยกออกจากวันอื่นสำหรับมนุษย์

เมื่อพิจารณาแต่ละวันเป็นช่วงเวลาพันปีเราจะเห็นว่าเหตุการณ์ครั้งสำคัญอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในรอบพันปี (สหัสวรรษ)นั้นตรงกับวันสร้าง..

วันที่ 1- เริ่มปี 0-1000 ปี:

สิ่งสำคัญที่เราเห็นในวันที่1 คือการแยกความสว่างออกจากความมืด ความสว่างเกี่ยวข้องกับความดีและความมืดเกี่ยวข้องกับความชั่วหรือความชอบธรรมเทียบกับการไร้ธรรมบัญญัติ สิ่งนี้สะท้อนให้เราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่สวนเอเดนเมื่ออาดัมและเอวากินผลจากต้นไม้แห่งความดีและความชั่ว ในขณะนั้นทั้งความดีและความชั่วความชอบธรรมและการไร้ธรรมบัญญัติกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา นอกจากนั้นแล้วยังเป็นครั้งแรกที่การพยากรณ์ถึงพระผู้ไถ่บาปจากเชื้อสายของหญิงนั้น (ปฐมกาล 3:15) และเราเริ่มเห็นความแตกต่างระหว่างคน 2 กลุ่ม กลุ่มที่เชื่อในพระสัญญาและกลุ่มวางใจในความสามารถของตนเอง บุตรของพระเจ้า (ผู้มีความเชื่อและวางใจในพระสัญญาดูในฮีบรู 11)และ บุตรของมนุษย์ (ผู้เชื่อวางใจในในความสามารถของตนเอง)

วันที่ 2 – เริ่มปี 1000-2000 ปี:

สิ่งสำคัญที่เราเห็นในวันที่สองคือการแยกแผ่นดินและน้ำ เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในรอบพันปีนี้คือน้ำท่วมโลกในสมัยของโนอาห์สิ่งเดียวกันก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อแผ่นดินโลกถูกน้ำท่วม 150 วัน (ปฐม7:24) หลังจากนั้นพื้นแผ่นดินก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง นี่เป็นสิ่งที่เทียบกันเห็นชัดในระหว่างรอบพันปีที่สองซึ่งตรงกับ วันที่ 2 ของการทรงสร้าง

วันที่  3 – เริ่มปี 2000-3000 ปี:

สิ่งที่โดดเด่นสำหรับวันแห่งการสร้างวันที่ 3 นี้คือเมล็ดพันธุ์พืชที่จะเกิดดอกออกผล ช่วงเวลาสำคัญช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ที่ตรงกับพระสัญญานี้คือพระสัญญาที่พระเจ้าให้กับอับราฮัมว่าทุกชาติจะได้รับพรโดยทางเชื้อสายของท่าน

ปฐมกาล 22:17-18 เราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้า(ในภาษาฮีบรูเชื้อสายคือ זֶרַע ->เมล็ด) ให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั้งหลายทั่วโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าเจ้าได้เชื่อฟังเสียงของเรา”

ปฐมกาล 26:4-5 เราจะทวีเชื้อสายของเจ้า(ในภาษาฮีบรู זֶרַע ->เมล็ด)ให้มากขึ้นดังดาวบนฟ้าและจะให้แผ่นดินเหล่านี้ทั้งหมดแก่เชื้อสายของเจ้า ประชาชาติทั้งหลายในโลกจะได้รับพรก็เพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าอับราฮัมได้เชื่อฟังเสียงของเราและได้รักษาคำกำชับของเราบัญญัติของเรา กฎเกณฑ์ของเรา และราชบัญญัติของเรา”

สังเกตความเกี่ยวพันระหว่างเชื้อสายของอับราฮัมที่ทำให้ทุกชาติได้รับพรและพระสัญญาที่ให้กับนางเอวาว่าเชื้อสายของนางจะทำให้หัวของงูฟกช้ำ

ปฐมกาล 3:15 เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นปฏิปักษ์กัน ทั้งเชื้อสายของเจ้ากับเชื้อสายของนาง เชื้อสายของนางจะกระทำให้หัวของเจ้าฟกช้ำ และเจ้าจะกระทำให้ส้นเท้าของท่านฟกช้ำ”

วันที่ 4 – เริ่มปี 3000-4000 ปี:

ผู้เสด็จมา / การสร้างดวงอาทิตย์เพื่อแยกความสว่างออกจากความมืด

ปฐมกาล 1:14-18 พระเจ้าตรัสว่า “จงให้มีดวงสว่างบนพื้นฟ้าอากาศเพื่อแยกวันออกจากคืน และเพื่อใช้เป็นหมายสำคัญ และที่กำหนดฤดู วันและปีต่างๆ และจงให้เป็นดวงสว่างบนพื้นฟ้าอากาศเพื่อส่องสว่างบนแผ่นดินโลก” ก็เป็นดังนั้น พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างใหญ่สองดวง ให้ดวงสว่างที่ใหญ่กว่านั้นครองกลางวัน และให้ดวงที่เล็กกว่าครองกลางคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆด้วยเช่นกัน พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนพื้นฟ้าอากาศเพื่อส่องสว่างบนแผ่นดินโลก เพื่อครองกลางวันและครองกลางคืน และเพื่อแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี

เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในตอนท้ายของรอบพันปีที่ 4 คือการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ของเราเพื่อนำความสว่างเข้าสู่ความมืด การเสด็จมาของพระเยซูเปรียบได้กับดวงอาทิตย์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกครองตลอดวัน ข้อพระคัมภีร์คำพยากรณ์เกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์มีอยู่ในมาลาคี 4: 2

มาลาคี 4:2  แต่ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมซึ่งมีปีกรักษาโรคภัยได้จะขึ้นมาสำหรับคนเหล่านั้นที่ยำเกรงนามของเรา เจ้าจะกระโดดโลดเต้นออกไปเหมือนลูกวัวออกไปจากคอก

นอกจากนี้พระเยซูเองยังบอกว่าพระองค์เป็นความสว่าง:

ยอห์น12:46 เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง เพื่อผู้ใดที่เชื่อในเราจะมิได้อยู่ในความมืด 

สังเกตว่าการสร้างวันที่ 1 คือการสร้างความสว่างและความมืด (วันที่บาปได้เข้ามาในโลก) และการทรงสร้างในวันที่ 4 คือการแยกความสว่างออกจากความมืด (การมาของพระผู้ไถ่บาปทำให้เราสามารถเอาชนะความมืด / ความบาป) วันที่ 4 คือการบรรลุตามพระสัญญาที่ให้ไว้กับเอวาเกี่ยวกับการที่เชื้อสายของหญิงจะขยี้หัวงูและต่ออับราฮัมว่าคนทั้งโลกจะได้รับพรผ่านเชื้อสายของเขา!

วันที่ 5 -เริ่มปี 4000-5000 ปี:

นกและปลาเข้ามาในภาพ  ทั้ง 2 สิ่งที่ผมต้องนึกถึงปลากับนกเข้ามาในภาพคือ:

  1. มัทธิว 4:19 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา”
  2. และพระวิญญาณบริสุทธิ์ในพระคัมภีร์แสดงให้เห็นเป็นนกพิราบ ยอห์น 1:32 “ข้าพเจ้าเห็นพระวิญญาณเหมือนดังนกเขาเสด็จลงมาจากสวรรค์ และทรงสถิตบนพระองค์

สองเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของรอบพันปีที่ 5 และสิ่งเหล่านี้ดำเนินการตลอดรอบพันปีได้แก่

  • พระมหาบัญชาที่ประทานให้เราออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ และสร้างสาวก (มัทธิว 28: 18-20)
  • และเราได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเทศกาลวันเพ็นเทคอสต์ของชาวยิวที่ช่วยให้เราสามารถทำตามพระมหาบัญชานั้นได้ (กิจการ 2: 2-4)

วันที่ 6 – เริ่มปี 5000-6000 ปี:

วันที่หกหมายถึงการสร้างมนุษย์และการปกครองโลกของมนุษย์ในรอบพันปีที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าทั้งประชากรโลกและความรู้ความสามารถของมนุษย์เติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ!

ดาเนียล12:4 แต่ตัวเจ้า โอ ดาเนียลเอ๋ย จงปิดถ้อยคำเหล่านั้นไว้ และประทับตราหนังสือนั้นเสีย จนถึงวาระสุดท้าย คนเป็นอันมากจะวิ่งไปวิ่งมา และความรู้จะทวีขึ้น”

แท้จริงสหัสวรรษนี้คือรอบพันปีของมนุษย์ เป็นสิ่งที่โดดเด่นในคำทำนายของแดเนียลคือการเชื่อมโยงกับจุดจบของการสิ้นยุค! โดยพื้นฐานแล้วเป็นการส่งสัญญาณการสิ้นสุดของการปกครองโลกของมนุษย์ซึ่งเป็นระยะเวลา 6000 ปี! สอดคล้องกันทั้งสองครั้งนี้แสดงรอบพันปีที่ 6 และระยะเวลาของ 6 พันปี

วันที่ 7 – เริ่มปี 6000-7000 ปี:

วันสะบาโตเป็นตัวแทนของวันหยุดพัก (ไม่ทำงาน) ซึ่งเป็นวันที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งไว้!

ปฐมกาล 2:1-3 ดังนี้ฟ้าและแผ่นดินโลกและบรรดาบริวารก็ถูกสร้างขึ้นให้สำเร็จ ในวันที่เจ็ดพระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างมาแล้วนั้น และในวันที่เจ็ดพระองค์ทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างมาแล้วนั้น พระเจ้าทรงอวยพระพรวันที่เจ็ดและทรงตั้งวันนี้ไว้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ได้ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเนรมิตสร้างไว้แล้วนั้น

ผมคิดว่าพวกเราส่วนใหญ่ตระหนักถึงพระราชอาณาจักรพันปี ช่วงเวลาหนึ่งพันปีที่พระเยซูปกครองในฐานะทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งมหากษัตริย์ทั้งปวงและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งปวงในโลก วันของพระเจ้าที่อ้างถึงหลายครั้งในพระคัมภีร์บอกถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์ในตอนท้ายของวันที่ 6 ซึ่งพระองค์จะทำสงครามบนโลกกับกองทัพมนุษย์ที่ได้ยกกำลังพลเข้าโจมตีอิสราเอล หรือที่ทราบกันดี “อาร์มาเก็ดโดน” Armageddon เราอ่านทั้งหมดนี้ได้ในหนังสือวิวรณ์ตอนท้ายของวันที่ 6 (ปี 6000) และการเริ่มต้นของวันที่ 7 !(ปี7000)

อาร์มาเก็ดโดนในภาษาฮิบรู“ ฮิลล์ออฟเมกิดโด”Hill of Megiddo”เมืองเมกิดโดของปาเลสไตน์ซึ่งตั้งอยู่บนทางผ่านซึ่งมีถนนที่เชื่อมระหว่างอียิปต์และซีเรียอาจได้รับเลือกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการสู้รบดังกล่าวเนื่องจากเป็นสถานที่เกิดเหตุของการเผชิญหน้าทางทหารหลายครั้งเป็นสถานที่ตั้งทางยุทธศาสตร์

วันสิ้นสุดของวันที่ 6: (ปี 6000) วิวรณ์ 19: 16-21พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า “พระมหากษัตริย์แห่งมหากษัตริย์ทั้งปวงและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งปวง” แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่บนดวงอาทิตย์ ท่านร้องประกาศแก่นกทั้งปวงที่บินอยู่ในท้องฟ้าด้วยเสียงอันดังว่า “จงมาประชุมกันในการเลี้ยงของพระเจ้ายิ่งใหญ่ เพื่อจะได้กินเนื้อกษัตริย์ เนื้อนายทหาร เนื้อคนมีบรรดาศักดิ์ เนื้อม้า และเนื้อคนที่นั่งบนม้า และเนื้อประชาชน ทั้งไทยและทาส ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่” และข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายนั้น และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลก พร้อมทั้งพลรบของกษัตริย์เหล่านั้น มาประชุมกันจะทำสงครามกับพระองค์ผู้ทรงม้า และกับพลโยธาของพระองค์ สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยผู้พยากรณ์เท็จ ที่ได้กระทำการอัศจรรย์ต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้น และใช้การอัศจรรย์นั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้น และบูชารูปของมัน สัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จถูกทิ้งทั้งเป็นลงในบึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน และคนที่เหลืออยู่นั้น ก็ถูกฆ่าด้วยพระแสงที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ผู้ทรงม้านั้นเสีย และนกทั้งปวงก็กินเนื้อของคนเหล่านั้นจนอิ่ม

เริ่มต้นวันที่ 7: (ปี7000) วิวรณ์ 20: 1-6 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้นและถือโซ่ใหญ่ และท่านได้จับพญานาค ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ผู้ซึ่งเป็นพญามารและซาตาน และล่ามมันไว้พันปี แล้วทิ้งมันลงไปในเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้น แล้วได้ลั่นกุญแจประทับตรา เพื่อไม่ให้มันล่อลวงบรรดาประชาชาติได้อีกต่อไป จนครบกำหนดพันปีแล้วหลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันออกไปชั่วขณะหนึ่ง ข้าพเจ้าได้เห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้น ทรงมอบให้เป็นผู้ที่จะพิพากษา และข้าพเจ้ายังได้เห็นดวงวิญญาณของคนทั้งปวงที่ถูกตัดศีรษะ เพราะเป็นพยานของพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเป็นผู้ที่ไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายนั้นหรือรูปของมัน และไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา คนเหล่านั้นกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่และได้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลาพันปี แต่คนอื่นๆที่ตายแล้วไม่ได้กลับมีชีวิตอีกจนกว่าจะครบกำหนดพันปี นี่แหละคือการฟื้นจากความตายครั้งแรก ผู้ใดที่ได้มีส่วนในการฟื้นจากความตายครั้งแรกก็เป็นสุขและบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านั้น แต่เขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระองค์ตลอดเวลาพันปี 

ที่นี่เราจะเห็นว่าการเสด็จกลับมาในวันของพระเจ้า (การเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์) ประกาศการเริ่มต้นของการปกครองพันปีของพระคริสต์บนโลก นี่คือสิ่งที่วันสะบาโตแสดงให้เห็นตลอดมาถือเป็นเงาของการครองราชย์1,000 ปีของพระเยซู บนโลกนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการหยุดพักสงบ และการฟื้นฟูใหม่ของทั้งอย่างคือ โลกรับการฟื้นฟูใหม่และผู้ที่อาศัยอยู่บนโลก เพื่อจะแสดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้มนุษย์ปกครองอย่างไร และมนุษย์คิดว่าจะรักษาคำแนะนำของพระองค์ที่มอบให้เราตั้งแต่เริ่มต้นได้อย่างไร

เมื่อพระเยซูตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งวันสะบาโตพระองค์ทรงหมายถึงอย่างนั้นจริง!

มัทธิว 12:8 เพราะว่าบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นใหญ่เหนือวันสะบาโต”

พระเยซูทรงเป็น พระมหากษัตริย์แห่งมหากษัตริย์ทั้งปวงและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งปวงตลอดพันปีเต็มบนโลกนี้และในฮิบรู ยิ่งให้ความหมายสำคัญยิ่งขึ้น

ฮิบรู4:1 เหตุฉะนั้น เมื่อมีพระสัญญาทรงประทานไว้แล้วว่า จะให้เข้าในที่สงบสุขของพระองค์ ให้เราทั้งหลายมีความยำเกรงว่า ในพวกท่านอาจจะมีผู้หนึ่งผู้ใดเหมือนไปไม่ถึง

ฮิบรู 4:8-9 เพราะว่าถ้าโยชูวาได้พาเขาเข้าสู่ที่สงบสุขนั้นแล้ว พระองค์ก็คงมิได้ตรัสในภายหลังถึงวันอื่นอีก ฉะนั้นจึงยังมีสะบาโตสำหรับชนชาติของพระเจ้า 

วันนั้นตามที่กล่าวไว้ในฮีบรู 4 เป็นวันสำหรับผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นคืนชีพครั้งแรกดังที่เราอ่านในวิวรณ์ 20:6 ผู้ใดที่ได้มีส่วนในการฟื้นจากความตายครั้งแรก ก็เป็นสุขและบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านั้น แต่เขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระองค์ตลอดเวลาพันปี

คล้ายกับ อ.เปาโล เราต้องต่อสู้กับการต่อสู้ที่ดีและจบการแข่งขันเพื่อที่เราจะได้เข้าสู่การพักสงบ :

2 ทิโมธี 4:7 ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว

 

วันที่พระเจ้าทรงแต่งตั้ง

เราจบลงด้วยวันสะบาโตซึ่งเป็นการแนะนำที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งหรือคำแนะนำของพระองค์แก่เราอย่างสมบูรณ์แบบเกี่ยวกับวิธีที่พระองค์ต้องการให้เรานมัสการพระองค์! เราพบสิ่งเหล่านี้ในเลวีนิติ 23 และเรียกอีกอย่างว่า วันงานเลี้ยงของพระเจ้า /ยาเวห์ YHVH (יהוה)

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับคำว่าวันหยุด คำว่า ‘วันหยุด’ มาจากคำว่า วันบริสุทธิ์ (Holy-day) และเป็นวันที่พระเจ้าประกาศว่าเป็นวันบริสุทธิ์และมอบให้เราเพื่อให้เป็นคำแนะนำในการปฏิบัติตามพระองค์

แล้วสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเงาต่างๆ ที่จะตามมา เราเห็นแล้วในโคโลสีว่าเปาโลกล่าวถึงวันแต่งตั้งนี้ว่า

“สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์” โคโลสี 2:17.

ดังนั้นเรามาดูบทสรุปของวันที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งตามที่กล่าวไว้ในเลวีนิติ 23 มีดังนี้:

  1. วันสะบาโต
  2. งานเลี้ยงเทสกาลปัสกา + วันงานเลี้ยงขนมปังไร้เชื้อ
  3. งานเลี้ยงวันผลแรก
  4. เทศกาลวันเพ็นเทคอสต์/ หรือ งานเลี้ยงสัปดาห์
  5. งานเลี้ยงวันเป่าแตร
  6. วันลบมลทิน
  7. งานเลี้ยงเทศกาลอยู่เพิง + วันที่ 8

เราได้พูดถึงวันสะบาโตแล้วว่านี่เป็นเงาของอาณาจักรรอบพันปีเป็นอย่างไร ข้อสำคัญอย่างหนึ่งของวันในพระคัมภีร์จะนับเริ่มต้นจากพระอาทิตย์ตกวันนั้นและ สิ้นสุดด้วยพระอาทิตย์ตกในวันถัดไปดังนั้น วันสะบาโตจึงต้องเริ่มต้นในเย็นวันศุกร์และสิ้นสุดในเย็นวันเสาร์ “เจ้าต้องรักษาวันสะบาโตจากเวลาเย็นถึงเวลาเย็น”(เลวีนิติ 23:32)!

วันอื่น ๆ ที่กล่าวถึงในที่นี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ช่วงระยะที่แตกต่างกัน:

  1.  งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ
    a) งานเลี้ยงเทศกาลปัสกา +งานเลี้ยงขนมปังไร้เชื้อ
    b) งานเลี้ยงวันผลแรก
    c) เทศกาลวันเพ็นเทคอสต์/หรืองานเลี้ยงสัปดาห์
  2.  งานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง
    a) งานเลี้ยงวันเป่าแตร ยัมเทรัวอา Yom Teruah (יוֹםתְּרוּעָה)
    b) วันลบมลทิน ยัมคิพโพร์ Yom Kippur (יוֹםכִּיפּוּר)
    c) งานเลี้ยงเทศกาลอยู่เพิง + วันที่ 8

ดังนั้น 2 ช่วงเวลานี้มีความสำคัญและเป็นเงาของสิ่งต่างๆที่จะตามมาอย่างไร?

เช่นเดียวกับมีวันงานเลี้ยง 2 งาน และเรามีพระเมสสิยาห์ / พระคริสต์มา 2 ครั้ง ในพันธสัญญาเดิมเรายังเห็นพระเมสสิยาห์อยู่ใน 2 สภาพที่อธิบายไว้

  1. พระเมสสิยาห์สภาพหนึ่งได้อธิบายว่าเป็นผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานและถูกแทงและชดใช้การละเมิดของเราดัง เราอ่านในอิสยาห์ 53 สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับโจเซฟเมื่อเขาถูกขายให้เป็นทาสและต้องทนทุกข์ทรมานในขณะที่เขาเป็นผู้บริสุทธิ์
    เรารู้จักพระเมสสิยาห์นี้ในฐานะเมสสิยาห์ เบ็นโจเซฟ (บุตรชายของโจเซฟ)
  2. พระเมสสิยาห์อีกสภาพหนึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการพยากรณ์ว่าจะเสด็จมาและสถาปนาราชอาณาจักรของพระองค์และขึ้นครองราชย์นำสันติสุขมาสู่โลกเมื่อพระเยซูเสด็จมาครั้งแรกเป็นผู้ที่ชาวยิวกำลังมองหาและพระเมสสิยาห์องค์นี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เมสสิยาห์เบ็นดาวิด (บุตรชายของดาวิด)

การมาทั้ง2ครั้ง ของพระเมสสิยาห์เป็นเงาของสิ่งที่จะตามมาทำให้เรามี:

  1. งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ – การเสด็จมาครั้งแรกของพระเมสสิยาห์ในฐานะเมสสิยาห์เบน – โจเซฟ
  2. งานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง – การเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเมสสิยาห์ในฐานะพระเมสสิยาห์เบ็น – ดาวิด

เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ก่อนอื่นเรามาดูงานเลี้ยงในฤดูใบไม้ผลิและเหล่านี้ดูสอดคล้องกันอย่างดีกับข้อพระคัมภีร์และงานเลี้ยง

งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ

งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นในเดือนแรกของปฏิทินฮีบรูชื่อเดือน อาบิบ Abib หรือที่รู้จักกันในชื่อเดือนนิซาน (เลียนแบบชื่อในบาบิโลนตอนตกเป็นเชลย) เมื่อเราดูวันที่สำหรับงานเลี้ยงเราจะได้รายการเรียงลำดับตามนี้:

  • วันที่ 10 อาบิบ/นิซาน: วันสะบาโตใหญ่ เป็นวันตรวจสอบลูกแกะปัสกา (อพยพ 12: 3)
  • วันที่ 14 อาบิบ/นิซาน: งานเลี้ยงเทศกาลปัสกา – เริ่มต้นด้วยการถวายลูกแกะปัสกาในวันที่ 14 ของอาบิบและการรับประทานเนื้อลูกแกะปัสกาในเย็นวันเดียวกันซึ่งเป็นวันที่ 15 อาบิบ/นีซาน วันเริ่มงานเลี้ยงขนมปังไร้เชื้อ
  • วันถัดจากวันสะบาโตแรกอยู่ในช่วงงานเลี้ยงขนมปังไร้เชื้อเรียกว่างานเลี้ยงแห่งผลแรก
  • วันเพ็นเทคอสต์ / งานเลี้ยงสัปดาห์: การนับถอยหลังสำหรับสิ่งนี้เริ่มต้นด้วย The Feast of Firstfruits นับจากวันนี้พวกเขาเริ่มนับสัปดาห์ด้วยเหตุนี้การฉลองการตั้งชื่อของสัปดาห์วันหลังจาก 7 สัปดาห์หรือ 7 วันสะบาโตเป็นวันเพ็นเทคอสต์

ดังนั้นในขณะที่ 2 งานเลี้ยงแรกได้รับการแก้ไข แต่งานอื่น ๆ นั้นขึ้นอยู่กับวันที่เกิดขึ้นจริงในวันนั้น ๆ เป็นที่น่าสังเกตว่าจุดเริ่มต้นของเดือนขึ้นอยู่กับการเริ่มต้นของดวงจันทร์ใหม่ เมื่อพระเจ้าตรัสในปฐมกาล 1:14 “ขอให้มีแสงไฟบนท้องฟ้าเพื่อแยกวันออกจากกลางคืนและให้มันเป็นสัญญาณบ่งบอกฤดูกาล  และวันและปี” คำภาษาฮีบรูที่ใช้สำหรับฤดูกาลหมายถึง วันเวลาที่พระเจ้าแต่งตั้ง!

ให้เรามาดูกันว่าวันเหล่านี้มันตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเมสสิยาห์ เบ็น – โจเซฟ หมายถึงพระเยซูตอนเสด็จมาครั้งแรกอย่างไร

วันสะบาโตพิเศษ ชาบัท ฮากาโดล์ (10 อาบิบ) วันเตรียมลูกแกะ ในอพยพ12:3

ก่อนที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์พระองค์เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มและผู้คนกล่าวสรรเสริญพระองค์ว่าเป็นพระเมสสิยาห์ส่วนใหญ่ในโลกคริสเตียนรู้จักวันนี้ ว่าปาล์มซันเดย์ เราอ่านเรื่องนี้ในมัทธิว 21: 1-11 และเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับข้อ 9 เมื่อชาวยิวส่งเสียงป่าวร้องสรรเสรฺญ

“โฮซันนาแก่ราชโอรสของดาวิด `ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ โฮซันนา’ ในที่สูงสุด”

สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงในวันที่10 อาบิบซึ่งเป็นการตรวจสอบลูกแกะ นี้น่าจะเป็นไปได้มากในเวลาเดียวกันว่าลูกแกะทั้งหมดต้องมีอายุ 1 ปีถึงจะถูกนำตัวมาจากเบธเลเฮมไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อให้แต่ละครอบครัวได้รับการคัดเลือกและถูกพาเข้าบ้านตามที่บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์

อพยพ 12:1-8 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนในประเทศอียิปต์ว่า “ให้เดือนนี้เป็นเดือนเริ่มต้นสำหรับเจ้าทั้งหลาย ให้เป็นเดือนแรกในปีใหม่สำหรับพวกเจ้า จงสั่งชุมนุมคนอิสราเอลทั้งหมดว่า ในวันที่สิบเดือนนี้ ให้ผู้ชายทุกคนเตรียมลูกแกะครอบครัวละตัวตามเรือนบรรพบุรุษของตน ถ้าครอบครัวใดมีคนน้อยกินลูกแกะตัวหนึ่งไม่หมด ก็ให้รวมกับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกันเตรียมลูกแกะตัวหนึ่งตามจำนวนคนตามที่เขาจะกินได้กี่มากน้อย ให้นับจำนวนคนที่จะกินลูกแกะนั้น ลูกแกะของเจ้าต้องปราศจากตำหนิเป็นตัวผู้อายุไม่เกินหนึ่งขวบ เจ้าจงเอามาจากฝูงแกะ หรือฝูงแพะ จงเก็บไว้ให้ดีถึงวันที่สิบสี่เดือนนี้ แล้วในเย็นวันนั้นให้ที่ประชุมของคนอิสราเอลทั้งหมดฆ่าลูกแกะของเขา แล้วเอาเลือดทาที่ไม้วงกบประตูทั้งสองข้าง และไม้ข้างบน ณ เรือนที่เขาเลี้ยงกันนั้นด้วย ในคืนวันนั้นให้เขากินเนื้อปิ้ง กับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม 

ดังนั้นพระเยซูเสด็จมาในกรุงเยรูซาเล็มในวันที่ 10  เดือนอาบิบ-นีซาน แสดงให้เห็นถึงลูกแกะที่จะถูกนำไปฆ่าและพระเจ้าทรงนำลูกแกะที่ทรงเลือกแล้วนั้นเข้ามาในบ้านของพระองค์(เยรูซาเล็ม) ตามที่บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์จนถึงวันที่ถูกปลงพระชนม์ในวันที่ 14 อาบิบ เวลาบ่าย 3 โมง

ปัสกา (14 อาบิบ)

วันที่พระเยซูกลายเป็นลูกแกะปัสกาของเราและถูกฆ่าบูชาเนื่องจากการละเมิดของเราในวันที่ 14 เวลาพลบค่ำความหมายของพลบค่ำในสมัยนั้นคือเวลาหลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นถึงจุดสูงสุดและเริ่มอยู่ในระหว่างที่ดวงอาทิตย์จะตกและมืดลง มีการบันทึกว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์ในเวลาบ่าย 15.00 น. ของวันที่ 14 อาบิบในช่วงบ่ายสามโมงเป็นช่วงอยู่ระหว่างกลางของช่วงเวลาพลบค่ำซึ่งยังไม่ตกเย็น

1 โครินธ์ 5:7 ดังนั้นจงชำระเชื้อเก่าเสียเพื่อท่านจะได้เป็นแป้งดิบก้อนใหม่เหมือนขนมปังไร้เชื้อ เพราะพระคริสต์ผู้ทรงเป็นปัสกาของเรา ได้ถูกฆ่าบูชาเพื่อเราเสียแล้ว

เกือบ 2 ปีที่แล้ว พึ่งจะก่อนวันอีสเตอร์ศิษยาภิบาลได้สอนเกี่ยวกับเทศกาลงานเลี้ยงต่าง ๆ ของชาวยิวติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เมื่อเราเรียนถึงเทศกาลปัสกา จู่ๆผมก็ถูกกระตุกให้ตื่นเมื่อผมรู้ว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์ในวันเทศกาลนั้นโดยเป็นลูกแกะปัสกา นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับเราและเราเริ่มสงสัยว่าทำไมพวกเราถึงไม่ฉลองเทศกาลปัสกาแทนวันอีสเตอร์ ซึ่งเป็นวันหยุดในพระคัมภีร์จริง ๆ แทนการฉลองวันหยุดของเพแกนที่เป็นรากเหง้าของคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าและไม่มีที่ไหนที่จะพบได้ในพระคัมภีร์ให้เราฉลองวันอีสเตอร์

อีกครั้งเหตุการณ์นี้ตรงกับพระคัมภีร์และเป็นวันที่พระเจ้าทรงแต่งตั้ง

เทศกาลปัสกาเคลื่อนเข้าสู่งานเลี้ยงขนมปังไร้เชื้อและเราเห็น อ. เปาโลกล่าวถึงเรื่องนี้แล้วใน 1 โครินธ์ 5: 7 สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้คือนี่เป็นงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการครั้งแรกและใช้เวลากินเลี้ยงเป็นเวลา 7 วันซึ่งสะท้อนถึงสัปดาห์แห่งการทรงสร้าง นอกจากนี้ครั้งสุดท้ายของเวลาที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ “งานเลี้ยงเทศกาลอยู่เพิง” ใช้เวลา 7 วัน ดังนั้นเราจึงมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดงานเลี้ยง (เอลฟา א และ โอเมกา ת) ซึ่งใช้เวลา 7 วัน!

งานเลี้ยงวันถวายผลแรก

รายการถัดไปคือ งานเลี้ยงวันผลแรกวันดังกล่าวขึ้นอยู่กับว่าวันปัสกาเริ่มต้นในวันใดเนื่องจากเป็นวันถัดจากวันสะบาโตแรกระหว่างงานเลี้ยงขนมปังไร้เชื้อ

เมื่อเราตรวจสอบพระคัมภีร์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับประจักษ์พยานของสาวกของพระเยซูในระหว่างและหลัง การตรึงกางเขนวันเดียวที่เป็นไปได้สำหรับวันที่ 14 อาบิบจะเป็นวันพุธ (ดูในไทม์ไลน์) ดังนั้นแนวคิดของวันศุกร์ประเสริฐ เป็นความคิดที่ไม่ใช่ตามพระคัมภีร์! นี่จะทำให้เรามีวันถวายผลแรก เป็นวันที่ 18 อาบิบ ตรงกับวันแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู!

1โครินธ์15:20-23 แต่บัดนี้พระคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไปแล้วนั้น เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้นเพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น แต่ว่าทุกคนจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก แล้วภายหลังก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ ในเมื่อพระองค์จะเสด็จมา

Also, note that a Biblical day starts at Sunset so the Day of FirstFruit starts just after the Sabbath at Sunset on a Saturday! When we look at the number of days and nights Jesus was in the grave we get:

นอกจากนี้โปรดทราบว่า การเริ่มวันใหม่ตามที่พระคัมภีร์ที่กำหนดนับจากเวลาที่พระอาทิตย์ตกดังนั้นวันผลแรกจะเริ่มต้นหลังจากพระอาทิตย์ตกในวันเสาร์(วันสะบาโต)! เมื่อเราดูจำนวนวันและคืนที่พระเยซูอยู่ในหลุมศพเราจะทราบได้ว่า:

สามวันสามคืน

  • 15 อาบิบคืนที่ 1 + วันที่ 1 : วันสะบาโตพิเศษ ดูยอห์น 19:31 ด้วย
  • 16 อาบิบคืนที่ 2 + วันที่ 2 พวกผู้หญิงซื้อเครื่องเทศหลังวันสะบาโตใหญ่ (16 มี.ค. 1) และเตรียมเครื่องเทศก่อนวันสะบาโตปกติ (ลก 23:56) วันเดียวที่สามารถเป็นได้คือวันศุกร์ เพราะวันพฤหัสบดีเป็นวันสะบาโตพิเศษ (ยอห์น 19:31) และวันเสาร์ซึ่งเป็นวันสะบาโตปกติ
  • 17 อาบิบคืนที่ 3 + วันที่ 3

แล้วสัญญาณเดียวที่พระเยซูบอกว่าจะให้พวกฟาริสีคืออะไร?

มัทธิว12:38-40 คราวนั้นมีบางคนในพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีทูลว่า “อาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าอยากจะเห็นหมายสำคัญจากท่าน” พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “คนชาติชั่วและเล่นชู้แสวงหาหมายสำคัญ และจะไม่ทรงโปรดให้หมายสำคัญแก่เขา เว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์ศาสดาพยากรณ์ ด้วยว่า `โยนาห์ได้อยู่ในท้องปลาวาฬสามวันสามคืน’ ฉันใด บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉันนั้น

นอกจากนั้นเราจะเห็นว่าโยนาห์เป็นเพียงเงาของสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระคริสต์ที่เราเห็นว่าพระคัมภีร์สอดคล้องกับงานเลี้ยงที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้อย่างสมบูรณ์แบบและคำพยากรณ์ด้วย พระเยซูสิ้นพระชนม์ในวันพุธและพระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตายในเย็นวันเสาร์ !(ไม่ใช่วันอาทิตย์)

พระเยซูทรงแสดงตนเป็นผลแรกแด่พระบิดาในวันผลแรกเวลาเดียวกับที่ปุโรหิตจะต้องทำเช่นนั้น (เลวีนิติ 23: 10-11 นี่จะเป็นวันอาทิตย์ของเรา) เรารู้เรื่องนี้จากการพบพระเยซูที่อุโมงค์ฝังศพกับมารีย์แม็กดาลีน พระเยซูบอกเธอว่าอย่าแตะต้องพระองค์เพราะพระองค์ยังไม่ได้กลับไปหาพระบิดา (ยน 20:17)

ยอห์น 20:17 พระเยซูตรัสกับเธอว่า “อย่าแตะต้องเรา เพราะเรายังมิได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพวกพี่น้องของเรา และบอกเขาว่า เราจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของท่านทั้งหลาย และไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านทั้งหลาย”

หลังจากนั้นในวันเดียวกันนั้นพระองค์บอกให้โทมัสแตะต้องแผลของพระองค์ (ยน 20:27) สิ่งนี้บอกว่าในขณะนี้อยู่กับนางมารีย์พระองค์ยังไม่ได้ถวายตัวแด่พระบิดาในฐานะผลแรกในขณะที่อยู่กับโทมัสพระองค์ได้ทำไปแล้ว ! เป็นภาพที่สวยงามของสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น!

วันเพ็นเทคอสต์/งานเลี้ยงสัปดาห์

งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิครั้งสุดท้ายคือวันเพ็นเทคอสต์หรือเรียกอีกอย่างว่างานฉลองสัปดาห์เนื่องจากการนับสัปดาห์นับจากวันถวายผลแรก งานเลี้ยงวันเพ็นเทคอสต์ของชาวยิว (Shavuot) เป็นงานเลี้ยงขอบคุณสำหรับผลแรกของการเก็บเกี่ยวข้าวสาลี แต่ก็เกี่ยวข้องกับการระลึกถึงพระราชบัญญัติที่พระเจ้าประทานให้โมเสสบนภูเขาซีนายด้วย

เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่วันเพ็นเทคอสต์เป็นวันที่พระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับชนชาติอิสราเอลและประทานพระราชบัญญัติของพระองค์เพื่อควบคุมพันธสัญญานั้น ยังเป็นวันที่พระเจ้าประทานคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีสร้างพลับพลาบนโลกซึ่งเป็นเงาของพลับพลาสวรรค์ที่โมเสสมองเห็นจากสวรรค์

ฮิบรู 8:5 ปุโรหิตเหล่านั้นปฏิบัติตามแบบและเงาแห่งสิ่งเหล่านั้นที่อยู่ในสวรรค์ เหมือนพระเจ้าได้ทรงสั่งแก่โมเสสครั้นเมื่อท่านจะสร้างพลับพลานั้นว่า `ดูเถิด จงทำทุกสิ่งตามแบบอย่างที่เราแจ้งแก่ท่านบนภูเขา’

อพยพ 25:8-9แล้วให้เขาสร้างสถานบริสุทธิ์ถวายแก่เรา เพื่อเราจะได้อยู่ท่ามกลางพวกเขา แบบอย่างพลับพลาและเครื่องทั้งปวงของพลับพลานั้น เจ้าจงทำตามที่เราแจ้งไว้แก่เจ้านี้ทุกประการ 

แล้ววันนี้ตรงกับการมาครั้งแรกของพระเยซูอย่างไร? คริสเตียนส่วนใหญ่รู้จักวันเพ็นเทคอสต์เป็นอย่างดีในขณะเดียวกันหลายคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นงานเลี้ยงของชาวยิวจริง ๆ หรือเป็นหนึ่งในวันที่พระเจ้าแต่งตั้ง พวกเขามองว่ามันเป็นสิ่งสำหรับคริสเตียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นเพ็นเทคอสต์

เงาที่สำคัญสำหรับงานเลี้ยงนี้คือพันธสัญญาใหม่ที่พระเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ในเยเรมีย์และยังพบได้ในฮีบรู 8: 8

เยเรเมีย์31:31-34 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับวงศ์วานอิสราเอลและวงศ์วานยูดาห์ ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย ในวันที่เราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาผิด ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ”แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับวงศ์วานอิสราเอล ภายหลังสมัยนั้น” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุราชบัญญัติ(תּוֹרָה Torah)ของเราไว้ภายในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้ที่ในดวงใจของเขาทั้งหลาย และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชาชนของเรา และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตนและพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า `จงรู้จักพระเยโฮวาห์’ เพราะเขาทั้งหลายจะรู้จักเราหมด ตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ “เพราะเราจะให้อภัยความชั่วช้าของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลายอีกต่อไป”

ดังนั้นสิ่งนี้ตรงกับสิ่งที่เราทุกคนรู้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเพ็นเทคอสต์และเราอ่านในกิจการ 2 การเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไร เชื่มโยงกับพระวิญญาณบริสุทธิ์มีอยู่ในเอเสเคียล 36: 26-27

เอเสเคียล 36:26-27 เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้า และเราจะบรรจุจิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า เราจะนำใจหินออกไปเสียจากเนื้อของเจ้า และจะให้ใจเนื้อแก่เจ้า และเราจะใส่วิญญาณของเราภายในเจ้า และกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และเจ้าจะรักษาคำตัดสินของเราและกระทำตาม 

ส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกันพระวิญญาณบริสุทธิ์กับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่หน้าที่สำคัญของพระวิญญาณบริสุทธิ์คือกระตุ้นให้เราปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์และระมัดระวังที่จะรักษาพระราชบัญญัติของพระองค์ (โทราห์)แท้จริงแล้วภาษาฮีบรูพระบัญญัติที่ใช้ในเยเรมีย์คือคำว่า โทราห์ (תּוֹרָה)!

พระเจ้าจะใส่โทราห์ของพระองค์ (ไม่ใช่บัญญัติใหม่แต่เป็นบัญญัติเดียวกัน)เข้าไปในความคิดและจิตใจของเรา (หัวใจใหม่ที่เป็นเนื้อแทนหัวใจหินของเรา) และประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เพื่อกระตุ้นเราให้ทำตามคำสั่งของพระองค์และรักษาบัญญัติของพระองค์! แล้วที่เป็นพันธสัญญาใหม่คืออะไร?

  1. หัวใจใหม่ที่เป็นเนื้อมาแทนที่หัวใจที่เป็นหิน
  2. พระองค์จะทรงเขียนพระบัญญัติของพระองค์ (תּוֹרָהโทราห์)ไว้ในหัวใจและความคิดของเราแทนบนใจหิน
  3. พระองค์จะประทานพระวิญญาณของพระองค์เพื่อช่วยกระตุ้นเราให้รักษาพระราชบัญญัติของพระองค์

ดังนั้นอีกครั้งเวลากำหนดของพระเจ้าสะท้อนให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างการเสด็จมาครั้งแรกของพระคริสต์

เรายังสามารถเห็นได้ว่าลำดับเหตุการณ์ดูสอดคล้องกันกับลำดับของงานเลี้ยงแรกซึ่งนำเราไปสู่จุดเริ่มต้นของการมาของพระเยซูในการประสูติของพระองค์ หากเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นไปตามลำดับแล้วการประสูติของพระเยซูน่าจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 10 อาบีบ เราได้เห็นคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซูแล้วในบทความนี้ที่จะสรุปเพื่อให้เห็นภาพที่น่าประทับใจ

วันที่ 10 ของอาบีบคือวันที่นำลูกแกะอายุ 1 ปีจากเบธเลเฮมไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อให้ครอบครัวต่าง ๆ  ได้คัดเลือกแกะเหล่านั้นและนำไปที่บ้านของพวกเขา ความจริงที่ว่าลูกแกะมีอายุ 1 ปี ทำให้เราทราบได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาของปีที่ลูกแกะเกิด นี่คือในฤดูใบไม้ผลิประมาณเดือนอาบิบ/นีซาน! นอกจากนี้เบธเลเฮมยังเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกแกะสำหรับการบูชาในพระวิหารและตรงกับสถานที่ประสูติของพระเยซู! เรารู้ว่าเมื่อพระเยซูประสูตินั้นมีเรื่องของผู้เลี้ยงแกะที่เฝ้าดูแลฝูงแกะของตนในตอนกลางคืนปรากฏขึ้น เหตุผลเดียวที่ผู้เลี้ยงแกะต้องทำเช่นนั้นก็เพื่อดูแลและช่วยเหลือแกะที่จะคลอดลูกตอนกลางคืนซึ่งบางทีอาจมีปัญหา!

จากข้อมูลอีกอย่างคือคำแนะนำที่พระเจ้าประทานให้โมเสสเพื่อสร้างพลับพลาลองดูข้อนั้นอีกครั้ง:

อพยพ 25:8-9 แล้วให้เขาสร้างสถานบริสุทธิ์ถวายแก่เรา เพื่อเราจะได้อยู่ท่ามกลางพวกเขา แบบอย่างพลับพลาและเครื่องทั้งปวงของพลับพลานั้น เจ้าจงทำตามที่เราแจ้งไว้แก่เจ้านี้ทุกประการ

เรารู้จักพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งที่กล่าวถึงพระเยซูที่ทรงเป็นพระวจนะที่กลายเป็นเนื้อหนังและอยู่ท่ามกลางพวกเรา:

ยอห์น1:14 พระวาทะได้ทรงสภาพของเนื้อหนัง และทรงอยู่ท่ามกลางเรา (และเราทั้งหลายได้เห็นสง่าราศีของพระองค์ คือสง่าราศีอันสมกับพระบุตรองค์เดียวที่บังเกิดจากพระบิดา) บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง

ดังนั้นในวันเพ็นเทคอสต์โมเสสได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการสร้างพลับพลาว่าพวกเขาต้องใช้เวลาในการสร้างนานแค่ไหนจึงจะเริ่มใช้มันได้และที่พระเจ้าจะสถิตอยู่ท่ามกลางพวกเขา อันที่จริงเราสามารถรู้วันเวลาที่แน่นอนได้ว่าพวกเขาต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการสร้างพลับพลา

เวลาของการออกแบบพลับพลาจนเสร็จสิ้นการสร้างใช้เวลา 9 เดือน เราสามารถอ่านได้ ว่าพลับพลาสร้างเสร็จเมื่อใดที่พระเจ้าสั่งให้โมเสสสร้างขึ้นในอพยพ 40: 1-2

อพยพ 40:1-2พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า”ในวันที่หนึ่งของเดือนแรก จงตั้งพลับพลาแห่งเต็นท์ของชุมนุม

ว้าว!!! นางมารีย์จึงตั้งครรภ์พระเยซูในวันเพ็นเทคอสต์และพระเยซูประสูติในวันแรกของอาบิบในวันปีใหม่ !!! หวังว่าคุณจะเริ่มเห็นภาพแล้ว เวลาที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สวยงามและสมบูรณ์เพียงใดที่ตรงกับการเสด็จมาครั้งแรกของพระคริสต์เมสสิยาห์เบ็นโจเซฟ! เราสามารถคาดหวังเช่นเดียวกันสำหรับการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์!

งานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง

งานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงยังไม่มา แต่เราใกล้จะเริ่มแล้ว เนื่องจากยังไม่เกิดขึ้นจึงยากที่จะทราบว่างานเลี้ยงแต่ละงานหมายถึงอะไร แต่เราสามารถทราบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเดือนในพระคัมภีร์ สำหรับการเริ่มต้นงานเลี้ยงในฤดูใบไม้ร่วงคือเดือนที่เจ็ดที่เรียกว่า เอทานิม Etanim และส่วนใหญ่เป็นที่รู้กันว่าหลังจากการถูกเนรเทศในชื่อของ ทิชชรี Tishri วันงานเลี้ยงฉลองเหล่านี้เป็นวันที่กำหนดโดยเริ่มต้นของเดือนที่เจ็ด:

  • วันที่ 1   เอทานิม – วันเป่าแตร ยัมทัวอาห์ Yom Teruah (יוֹםתְּרוּעָה)
  • วันที่ 10 เอทานิม – วันลบมลทิน ยัมคิพโพร์ Yom Kippur  (יוֹםכִּיפּוּר)
  • วันที่ 15 เอทานิม – เทศกาลอยู่เพิง สุคคอท- Sukkot

ยัมทัวอาห์ Yom Teruah  (יוֹםתְּרוּעָה)

เรารู้ว่าพระเยซูเสด็จมาครั้งที่สองในฐานะเมสสิยาห์เบ็นเดวิดจะได้รับการประกาศโดยการป่าวร้องและเป่าแตรซึ่งตรงกับวันเริ่มต้นของเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงที่เริ่มต้นด้วยงานเลี้ยงแตร! ชื่อในพระคัมภีร์สำหรับวันหยุดนี้คือ ยัมทัวอาห์ Yom Teruah (יוֹםתְּרוּעָה) ซึ่งแปลว่า “วันแห่งการป่าวร้องหรือเป่าแตร”!

เลวีนิติ 23:23-25 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด เจ้าทั้งหลายจงถือเป็นวันสะบาโต เป็นวันประชุมบริสุทธิ์ประกาศเป็นที่ระลึกด้วยเสียงแตร เจ้าอย่าทำงานหนัก และเจ้าจงนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์”

พวกเราส่วนใหญ่ตระหนักถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าการสร้างเป็นเพียงเงาของสิ่งต่างๆที่จะตามมาซึ่งจบลงด้วยวันสะบาโตที่แสดงถึงการมาของวันของพระเจ้านี่คือวันเริ่มต้นของวันของพระเจ้า!

งานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงส่วนใหญ่นำเสนอในสองสามบทสุดท้ายของหนังสือวิวรณ์และอิสยาห์ แต่ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยทรัมเป็ตที่เจ็ด:

วิวรณ์11:15 และทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เป่าแตรขึ้น และมีเสียงหลายๆเสียงกล่าวขึ้นดังๆในสวรรค์ว่า “ราชอาณาจักรทั้งหลายแห่งพิภพนี้ได้กลับเป็นราชอาณาจักรทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์”

นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของวันของพระเจ้าการเริ่มต้นของการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์

เหตุการณ์สำคัญในวันนี้คือการฟื้นคืนชีพครั้งแรกของคนตายและการรวบรวมนักบุญที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้าและศรัทธาในพระเยซู

วิวรณ์ 14:12 นี่แหละคือความอดทนของพวกวิสุทธิชน คือผู้ที่ประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และดำเนินตามความเชื่อของพระเยซู

วิวรณ์ 20:4-6 คนเหล่านี้เป็นคนที่มิได้มีมลทินกับผู้หญิง เพราะว่าเขาเป็นพวกพรหมจารี พระเมษโปดกเสด็จไปที่ใด คนเหล่านี้ก็ตามเสด็จไปด้วย พวกเขาเป็นผู้ที่ทรงไถ่จากมวลมนุษย์ เป็นผลแรกถวายแด่พระเจ้าและแด่พระเมษโปดก (5) ปากเขาไม่กล่าวคำอุบายเลย เพราะเขาไม่มีความผิดต่อหน้าพระที่นั่งของพระเจ้า (6) แล้วข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งที่บินอยู่ในท้องฟ้า เพื่อประกาศข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในโลก แก่ทุกชาติ ทุกตระกูล ทุกภาษา และประชากร

1 เธสโลนิกา 4:13-17แต่พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อยากให้ท่านไม่ทราบถึงเรื่องคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้าอย่างคนอื่นๆที่ไม่มีความหวัง เพราะถ้าเราเชื่อว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ และทรงคืนพระชนม์แล้ว เช่นเดียวกันบรรดาคนที่ล่วงหลับไปในพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำคนเหล่านั้นมากับพระองค์ด้วย ในข้อนี้เราขอบอกให้ท่านทราบตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เราผู้ยังเป็นอยู่และเหลืออยู่จนถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หามิได้ ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์

ยัมคิพโพร์ Yom Kippur (יוֹם כִּיפּוּר)

Yom Kippur, also known as the Day of Atonement, is the holiest day of the year in Judaism. Its central themes are atonement and repentance.
ยัมคิพโพร์ หรือที่เรียกว่าวันแห่งการลบมลทิน เป็นวันบริสุทธิ์ที่สุดของปีในศาสนายิว สาระสำคัญคือการไถ่บาปและการกลับใจ

เลวีนิติ  23:26-32 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า”ในวันที่สิบของเดือนที่เจ็ดนี้เป็นวันทำการลบมลทิน จะเป็นวันประชุมบริสุทธิ์แก่เจ้า และเจ้าต้องถ่อมใจลง และนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์ ในวันเดียวกันนั้นเจ้าอย่าทำงานใดๆ เพราะเป็นวันทำการลบมลทิน ที่จะทำการลบมลทินของเจ้าต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ในวันเดียวกันนั้น ผู้ใดก็ตามไม่ถ่อมใจลง ผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากท่ามกลางชนชาติของตน และในวันเดียวกันนี้ถ้าผู้ใดทำงานใดๆ เราจะทำลายผู้นั้นเสียจากท่ามกลางชนชาติของเขา เจ้าอย่าทำงานสิ่งใดเลย ทั้งนี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วอายุของเจ้าทั่วไปในที่อาศัยของเจ้าจะเป็นวันสะบาโตสำหรับหยุดพักสงบแก่เจ้า และเจ้าจงถ่อมใจลง เริ่มแต่เวลาเย็นในวันที่เก้าของเดือน เจ้าต้องรักษาวันสะบาโตจากเวลาเย็นถึงเวลาเย็น”

10 วันหลังจากการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์และอาจถูกมองว่าเป็นวันแห่งการพิจารณาคดีหรือการพิพากษา เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาพระองค์จะทำสงครามกับชาติต่าง ๆ ที่โจมตีอิสราเอล สงครามครั้งนี้จะยาวนานเพียงใดไม่ทราบได่แต่จะเป็นภาพที่ไม่สวยนักการต่อสู้อาจสิ้นสุดในไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจใช้เวลา 10 วัน ในปัจจุบันเวลาระหว่าง วันเป่าแตร (ยัมทัวอาห์ Yom Teruah) และวันลบมลทิน(ยัมคิพโพวร์ Yom Kippur) ใช้สำหรับการประเมินตนเองการกลับใจและการคืนดีในสิบวันดังที่ทราบกันดีว่าเป็นโอกาสสำหรับการเปลี่ยนแปลง บางทีพระเยซูอาจอยากให้กลุ่มประเทศที่ต่อต้านและโจมตีอิสราเอล 10 วันเพื่อการกลับใจก่อนการพิพากษาจะเกิดขึ้นก็อาจเป็นได้

แต่ 2 สิ่งที่เรารู้แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้:

1) สัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จถูกจับและถูกโยนลงไปในบึงไฟ

วิวรณ์ 19: 19-20 และข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายนั้น และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลก พร้อมทั้งพลรบของกษัตริย์เหล่านั้น มาประชุมกันจะทำสงครามกับพระองค์ผู้ทรงม้า และกับพลโยธาของพระองค์ สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยผู้พยากรณ์เท็จ ที่ได้กระทำการอัศจรรย์ต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้น และใช้การอัศจรรย์นั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้น และบูชารูปของมัน สัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จถูกทิ้งทั้งเป็นลงในบึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน

2) ซาตานจะถูกมัดและโยนไว้ในก้นหลุมลึกและถูกขังไว้เป็นเวลานานนับพันปี

วิวรณ์ 20:1-3

แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้นและถือโซ่ใหญ่ และท่านได้จับพญานาค ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ผู้ซึ่งเป็นพญามารและซาตาน และล่ามมันไว้พันปี แล้วทิ้งมันลงไปในเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้น แล้วได้ลั่นกุญแจประทับตรา เพื่อไม่ให้มันล่อลวงบรรดาประชาชาติได้อีกต่อไป จนครบกำหนดพันปีแล้วหลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันออกไปชั่วขณะหนึ่ง

งานเลี้ยงเทศกาลอยู่เพิง- สุคโคต

เมื่อซาตานถูกมัดขังไว้เป็นเวลาพันปีเราจึงเข้าสู่จุดเริ่มต้นของพระราชอาณาจักรพันปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งสันติสุขและการปกครองของพระคริสต์บนโลกนี้ เหตุผลประการหนึ่งที่มอบให้เราสำหรับ เทศกาลอยู่เพิง สุคโคต Sukkot ในเลวีนิติคือการได้รับการเตือนว่าพระเจ้าทรงให้คนอิสราเอลอาศัยอยู่ในเพิงพระองค์ทรงนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์

เลวีนิติ 23:42-43 เจ้าจงอยู่ในเพิงเจ็ดวัน ทุกคนที่เกิดในวงศ์วานพวกอิสราเอลให้เข้าอยู่ในเพิง เพื่อตลอดชั่วอายุของเจ้าจะได้ทราบว่า เมื่อเราพาคนอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์นั้นเราได้ให้เขาอยู่ในเพิง เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า” ดังนี้แหละโมเสสจึงได้ประกาศให้คนอิสราเอลทราบถึงเทศกาลเลี้ยงตามกำหนดของพระเยโฮวาห์

งานเลี้ยงนั้นคือ 7 วันและจากนั้นเราก็มีวันที่ 8 ที่ลึกลับซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจความหมายของ Sukkot ตามที่กล่าวไว้ในช่วงต้นงานเลี้ยงแรก (‘งานเลี้ยงในวันขนมปังไร้เชื้อ Unleavened Bread) คือ 7 วันและงานเลี้ยงสุดท้ายนี้คือ 7 วัน ช่วงเวลาเดียวกับเงาของสัปดาห์แห่งการสร้าง นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่างานเลี้ยงเทศกาลอยู่เพิง Sukkot เกี่ยวข้องกับอาณาจักรพันปีซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นวันที่ 7 ของการสร้าง

นอกจากนี้เรายังทราบว่าในช่วงพันปี ทุกประเทศทั่วโลกต้องเฉลิมฉลองเทศกาลอยู่เพิงนี้เราอ่านใน เศคาริยาห์ 14:16

เศคาริยาห์ 14:16 และอยู่มาบรรดาคนที่เหลืออยู่ในประชาชาติทั้งปวงซึ่งยกขึ้นมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม จะขึ้นไปนมัสการกษัตริย์ปีแล้วปีเล่า คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา และจะถือเทศกาลอยู่เพิง

นอกจากนี้เรารู้ว่าเราจะได้รับการสอนให้เชื่อฟังพระบัญญัติทั้งหมดของพระองค์

มีคาห์ 4:1-2ในยุคหลังจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระเยโฮวาห์จะถูกสถาปนาขึ้นให้สูงที่สุดในจำพวกภูเขาทั้งหลาย และจะถูกยกขึ้นให้เหนือบรรดาเนินเขา ชนชาติทั้งหลายจะหลั่งไหลเข้ามาหา และประชาชาติเป็นอันมากจะมากล่าวว่า “มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเยโฮวาห์ ยังพระนิเวศแห่งพระเจ้าของยาโคบ เพื่อพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์” เพราะว่าพระราชบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเยโฮวาห์จะออกมาจากเยรูซาเล็ม

ดังนั้นดูเหมือนว่างานเลี้ยงจะพยายามสรุปประวัติศาสตร์ของมนุษย์และเตือนให้พวกเขานึกถึงวิธีที่พระองค์ทรงนำพวกเขาออกจากอียิปต์ (เป็นตัวแทนของโลกหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในความไร้ธรรมบัญญัติ) และทำให้พวกเขาอาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยชั่วคราวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าทั้งหมดนี้คือ สิ่งชั่วคราวจริง ๆ และมันจะสิ้นสุดลง

แล้วสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับวันที่ 8 อย่างไร?

ยอห์น 7:37-38 ในวันสุดท้ายของเทศกาลซึ่งเป็นวันใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนและประกาศว่า “ถ้าผู้ใดกระหาย ผู้นั้นจงมาหาเราและดื่ม ผู้ที่เชื่อในเรา ตามที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้แล้วว่า `แม่น้ำที่มีน้ำประกอบด้วยชีวิตจะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น'”

It is not coincident that Jesus mentioned this on the 8th Day of Sukkot, Jesus is referring with this to the New Jerusalem

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พระเยซูตรัสถึงเรื่องนี้ในวันที่ 8 ของเทศกาลอยู่เพิง สุคคต พระเยซูตรัสถึงเรื่องนี้กล่าวถึงเยรูซาเล็มใหม่

เศคาริยาห์ 14: 7-8แต่จะเป็นวันหนึ่งที่พระเยโฮวาห์ทรงทราบแล้ว ไม่ใช่วันหรือคืน แต่ต่อมาเวลาเย็นจะมีแสงสว่าง ในวันนั้นน้ำแห่งชีวิตจะไหลออกจากเยรูซาเล็ม ครึ่งหนึ่งจะไหลไปสู่ทะเลด้านตะวันออก และครึ่งหนึ่งจะไหลไปสู่ทะเลด้านตะวันตก ในฤดูร้อนก็จะไหลเรื่อยไปดังในฤดูหนาว

และ

วิวรณ์ 22:1-5 ท่านได้ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่น้ำบริสุทธิ์ที่มีน้ำแห่งชีวิต ใสเหมือนแก้วผลึก ไหลออกมาจากพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก ท่ามกลางถนนในเมืองนั้นและริมแม่น้ำทั้งสองฟากมีต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งออกผลสิบสองชนิด ออกผลทุกๆเดือน และใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย จะไม่มีการสาปแช่งใดๆอีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ในเมืองนั้น และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะปรนนิบัติพระองค์ เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์ และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา กลางคืนจะไม่มีที่นั่น เขาไม่ต้องการแสงเทียนหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าทรงประทานแสงสว่างแก่เขา และเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์

เรามีมนุษย์ที่ได้ปกครองบนโลกตลอด 6 พันปีได้เปลี่ยนโลกนี้ให้เกิดความสับสนและยุ่งเหยิงจากนั้นเราจะมี 1พันปีของพระเยซูที่ปกครองโลกเปลี่ยนให้เป็นอย่างที่ควรจะเป็นและในตอนท้ายของวันที่ 7 เราอ่านว่าทั้งสอง ฟ้าและแผ่นดินโลกจะถูกทำลายหลังจากซาตานได้รับการปลดปล่อยจากที่คุมขังและมันได้รวบรวมกองทัพอีกครั้ง ทำศึกสงครามโจมตี กรุงเยรูซาเล็ม (วิวรณ์ 20)

เมื่อวันที่ 7 สิ้นสุดลงแล้วเราก็เข้าสู่จุดสิ้นสุดของวันที่ 8 เราจะเห็นการเริ่มต้นใหม่อย่างสมบูรณ์ด้วยสวรรค์ใหม่และโลกใหม่และเยรูซาเล็มใหม่จะดีจากสวรรค์สู่โลก เราอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวิวรณ์ 21:

วิวรณ์ 21:1-7 ข้าพเจ้าได้เห็นท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะท้องฟ้าเดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปหมดสิ้นแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกแล้ว ข้าพเจ้า คือยอห์น ได้เห็นเมืองบริสุทธิ์ คือกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากพระเจ้าและจากสวรรค์ กรุงนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากสวรรค์ว่า “ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งตรัสว่า “ดูเถิด เราสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่” และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเขียนไว้เถิด เพราะว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสัตย์จริงและสัตย์ซื่อ”พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นจะได้รับสิ่งสารพัดเป็นมรดก และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าสะอิดสะเอียน ฆาตกร คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนตร์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น จะได้รับส่วนของตนในบึงที่เผาไหม้ด้วยไฟและกำมะถัน นั่นคือความตายครั้งที่สอง”

วันที่ 8 แสดงถึงการทรงสร้างใหม่ชั่วนิรันดร์จะไม่มีคืนอีกต่อไปและไม่มีบาปอีกต่อไปทุกคนที่อยู่ในการทรงสร้างใหม่นี้ไม่จำเป็นต้องรับการเตือนว่าจะเชื่อฟังพระเจ้าได้หรือทำตามพระบัญญัติ อย่างไร เพราะมันจะเป็นธรรมชาติของละคนและทุกคนที่จะเชื่อฟังและทำตาม ซึ่งพันธสัญญาใหม่นี้ทำกับวงศ์วานยูดาห์และวงศ์วานอิสราเอล (รวมผู้เชื่อต่างชาติที่ได้ต่อกิ่งเข้าไปเป็นอิสราเอล)

เยเรมีย์ 31:34 และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตนและพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า `จงรู้จักพระเยโฮวาห์’ เพราะเขาทั้งหลายจะรู้จักเราหมด ตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ “เพราะเราจะให้อภัยความชั่วช้าของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลายอีกต่อไป”

นอกจากนี้โปรดทราบว่า ไม่ได้หมายความว่าเราไดัไปอยู่บนสวรรค์กับพระเจ้า  แต่เราจะอาศัยอยู่บนโลกใหม่ที่ซึ่งพระเจ้าจะสถิตอยู่ท่ามกลางเราตามที่พระองค์ตั้งพระทัยไว้ “ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา”

พระวจนะของพระเจ้าสวยงามเพียงใดและทุกสิ่งที่วางแผนไว้นั้นสมบูรณ์แบบเพียงใด! เราสามารถใช้เป็นคำปลอบประโลมใจเมื่อเราเทียบเสียสติ ด้วยความรู้นี้ที่ว่าพระเจ้าทรงควบคุมและสิ่งต่างๆจะเป็นไปตามที่พระองค์ทรงวางแผนไว้ซึ่งแสดงให้เราเห็นผ่านเงาของเวลาที่พระองค์ทรงกำหนดไว้นั่นเอง

เราเริ่มต้นด้วยปฐมกาล 1: 1 และลงท้ายด้วยวิวรณ์ 21 และ 22 ซึ่งผมเชื่อว่าบทความนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ

ด้วยคำพูดนี้ผมอยากจะปิดท้ายด้วยคำถาม: คุณรักษาวันงานเลี้ยงที่พระเจ้าแต่งตั้งไว้และนมัสการพระองค์ตามที่พระองค์ทรงแนะนำเราหรือคุณนมัสการพระเจ้าในแบบของคุณเองและทำตามวันงานเลี้ยงตามรูปแบบของพวกไม่มีพระเจ้า (Pegan) โดยไม่มีรากฐานในพระวจนะของพระเจ้าเลย

ขอพระเจ้าอวยพรคุณและอย่าลืมทดสอบทุกสิ่ง!