Blog Detail

เปาโลและคำสอนของพระคริสต์

02 เม.ย. 21
Sunete
No Comments

พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่เชื่อในพระองค์แล้วว่า “ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง และท่านทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไทย” ยอห์น 8:31-32

นี่เป็นคำพูดที่น่าสนใจและมีพลังมากที่พระเยซู รือเยชูวา ที่ได้กล่าวที่คนส่วนใหญ่อ่านแล้วไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร เรายึดมั่นในคำสอนของพระเยซูจริงหรือไม่? คนส่วนใหญ่ยึดมั่นในคำสอนของอาจารย์เปาโลที่เชื่อว่าอ.เปาโลใช้หลักคำสอนใหม่ที่แตกต่างจากคำสอนของพระคริสต์

บ่อยครั้งเมื่อผมได้สนทนาและโต้ตอบโดยใช้ข้อพระคัมภีร์กับคริสเตียนหลายคน ผมรู้สึกว่าพวกเขายึดถือในคำพูดของอาจารย์เปาโลด้วยความนับถือยิ่งกว่าสิ่งที่พระเยซูตรัสเสียอีก และทำให้ผมเกิดความสงสัยว่าพวกเขาเป็นสาวกของใครกันของพระคริสต์หรือของอาจารย์เปาโล?

อาจารย์เปาโลเองก็พูดคล้าย ๆ กับที่พระเยซูตรัสในยอห์น 8:31 อ่านใน 1 ทิโมธี 6: 3-4

1 ทิโมธี 6: 3-4  ถ้าผู้ใดสอนผิดไปจากนี้ และไม่ยอมเห็นด้วยกับพระวจนะอันมีหลัก คือพระวจนะของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และคำสอนที่สมกับทางของพระเจ้า ผู้นั้นก็เป็นคนทะนงตัวและไม่รู้อะไร…….

ยอห์นยังพูดบางสิ่งที่คล้ายกับสิ่งที่อ.เปาโลพูด:

2ยอห์น 1:9-11 ผู้ใดละเมิดและไม่อยู่ในพระโอวาทของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่มีพระเจ้า ผู้ใดอยู่ในพระโอวาทของพระคริสต์ ผู้นั้นก็มีทั้งพระบิดาและพระบุตร ถ้าผู้ใดมาหาท่านและไม่นำพระโอวาทนี้มาด้วย อย่ารับเขาไว้ในเรือน และอย่าขอพรให้เขาเลย เพราะว่าผู้ที่ขอพรให้เขา ก็เข้าส่วนในการกระทำชั่วของเขานั้น

อ.เปาโลยังพูด 2 ครั้ง ในกาลาเทีย 1: 6-10  ว่าใครก็ตามที่สอนข่าวประเสริฐอื่นนอกเหนือจากพระคริสต์ผู้นั้นจะต้องถูกสาปแช่ง!

กาลาเทีย 1: 6-10 ข้าพเจ้าประหลาดใจนักที่ท่านทั้งหลายได้ผินหน้าหนีโดยเร็วจากพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านให้เข้าในพระคุณของพระคริสต์ และได้ไปหาข่าวประเสริฐอื่น ซึ่งมิใช่อย่างอื่นดอก แต่ว่ามีบางคนที่ทำให้ท่านยุ่งยาก และปรารถนาที่จะบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์ แต่แม้ว่าเราเองหรือทูตสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่ท่านไปแล้วก็ให้ผู้นั้นถูกสาปแช่ง ตามที่เราได้พูดไว้ก่อนแล้ว บัดนี้ข้าพเจ้าพูดอีกว่า ถ้าผู้ใดประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่านที่ขัดกับข่าวประเสริฐซึ่งท่านได้รับไว้แล้ว ผู้นั้นจะต้องถูกสาปแช่ง บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังพูดเอาใจมนุษย์หรือ หรือให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า ข้าพเจ้าอุตส่าห์ประจบประแจงมนุษย์หรือ เพราะถ้าข้าพเจ้ากำลังประจบประแจงมนุษย์อยู่ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ผู้รับใช้ของพระคริสต์

ให้มองใกล้ๆคำนี้ “ แต่แม้ว่าเราเอง (เปาโล) จะสั่งสอนพระกิตติคุณอื่นที่ไม่ใช่พระกิตติคุณของพระคริสต์ขอให้เขาถูกสาปแช่ง

เขายังอ้างถึง“ เรา” รวมทั้งตัวเขาเองและอัครสาวกคนอื่น ๆ และปิดท้ายด้วยการพูดว่า“ บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังพูดเอาใจมนุษย์หรือ หรือให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า ข้าพเจ้าอุตส่าห์ประจบประแจงมนุษย์หรือ เพราะถ้าข้าพเจ้ากำลังประจบประแจงมนุษย์อยู่ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ผู้รับใช้ของพระคริสต์” อาจารย์เปาโล เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์และทุกสิ่งที่เขากล่าวก็เป็นการยอมจำนนต่อพระองค์ผู้เป็นนาย!

ด้วยเหตุผลบางประการมีคนเชื่อว่าอาจารย์เปาโลสอนพระกิตติคุณอื่นที่ไม่ใช่พระคริสต์หรือสาวกคนอื่น ๆ ที่สั่งสอนชาวยิวโดยคิดว่ามีพระกิตติคุณเล่มหนึ่งสำหรับชาวยิวและอีกเล่มสำหรับคนต่างชาติ นั้นขัดแย้งกับพระคัมภีร์โดยตรง แต่ก็เป็นสิ่งที่สอนกันในคริสตจักรทุกวันนี้

1โครินธ์12:13 เพราะว่าเราทุกคนรับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวให้เป็นกายเดียวไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีกเป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายอันเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวกันนั้นซาบซ่านอยู่

โรมัน 2:28-29 เพราะว่ายิวแท้ มิใช่คนที่เป็นยิวแต่ภายนอกเท่านั้น และการเข้าสุหนัตแท้ก็ไม่ใช่การเข้าสุหนัตซึ่งปรากฏที่เนื้อหนังเท่านั้น คนที่เป็นยิวแท้ คือคนที่เป็นยิวภายใน และการเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจตามจิตวิญญาณ มิใช่ตามตัวบทบัญญัติ คนอย่างนั้นพระเจ้าสรรเสริญ มนุษย์ไม่สรรเสริญ

กาลาเทีย 3:26-29 เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เพราะเหตุว่า ทุกคนในพวกท่านที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็ได้สวมชีวิตพระคริสต์ จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาสหรือไทย จะไม่เป็นชายหรือหญิง เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระเยซูคริสต์ และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้ว ท่านก็เป็นเชื้อสายของอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา

เอเฟซัส 2:19-20 เหตุฉะนั้นบัดนี้ท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับวิสุทธิชนและเป็นครอบครัวของพระเจ้า ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้นบนรากแห่งพวกอัครสาวกและพวกศาสดาพยากรณ์ พระเยซูคริสต์เองทรงเป็นศิลามุมเอก

เอเฟซัส 3:6  นี้คือความลึกลับที่ผ่านพระกิตติคุณ คือว่าคนต่างชาติจะเป็นผู้รับมรดกร่วมกับอิสราเอลและเป็นอวัยวะของกายอันเดียวกัน และมีส่วนได้รับพระสัญญาของพระองค์ในพระคริสต์โดยข่าวประเสริฐนั้น

อะไรคือสิ่งที่อาจารย์เปาโลบอกเกี่ยวกับคำสอนของเขาเอง

เราเห็นอาจารย์เปาโลพูดถึงตัวเขาเองด้วยถ้าเขาสอนพระกิตติคุณอื่นที่ไม่ใช่ของพระคริสต์ เรายังเห็นว่าเขาเรียกหลักคำสอนอื่นๆ ที่แตกต่างไปจากที่พระเยซูคริสต์ทรงสอนนั้นว่าเป็นหลักคำสอนเท็จ มาดูกันว่าอาจารย์เปาโลพูดอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาสอน

ในกิจการเราเห็นสถานการณ์หลายอย่างที่อาจารย์เปาโลถูกกล่าวหาว่าสอนผิดบัญญัติของโมเสสและประเพณีของชาวยิวซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องรับโทษประหารชีวิตในสมัยนั้น แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ชาวยิวจะพิสูจน์คำกล่าวอ้างของพวกเขาได้! ในระหว่างการทดลองเหล่านี้เปาโลได้แก้คดีให้ตัวเองนี่คือบางสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับคำสอนของเขาเองว่า:

กิจการ 26:22-23 เป็นเพราะพระเจ้าได้ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้และเป็นพยานได้ต่อหน้าผู้น้อยผู้ใหญ่ ข้าพระองค์ไม่พูดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องซึ่งบรรดาศาสดาพยากรณ์กับโมเสสได้กล่าวไว้ว่าจะมีขึ้น คือว่าพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมาน และพระองค์จะทรงแสดงความสว่างแก่ชนอิสราเอลและแก่คนต่างชาติ โดยที่ทรงเป็นผู้แรกซึ่งคืนพระชนม์”

ไม่พูดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องซึ่งบรรดาศาสดาพยากรณ์กับโมเสสได้กล่าวไว้ว่าจะมีขึ้น

อาจารย์เปาโลระบุขอบเขตถ้อยคำของเขาว่าเขาไม่ได้เพิ่มอะไรเข้าไปในสิ่งที่โมเสสและศาสดาพยากรณ์ที่กล่าวไว้เลย! ฟังดูคล้ายกับสิ่งที่พระเยซูตรัสในมัทธิว 5:17

มัทธิว 5:17-18อย่าคิดว่าเรามาเพื่อจะทำลายพระราชบัญญัติหรือคำของศาสดาพยากรณ์เสีย เรามิได้มาเพื่อจะทำลาย แต่มาเพื่อจะให้สำเร็จ เพราะเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถึงฟ้าและดินจะล่วงไป แม้อักษรหนึ่งหรือจุดๆหนึ่งก็จะไม่สูญไปจากพระราชบัญญัติ จนกว่าจะสำเร็จทั้งสิ้น

ครั้งก่อนหน้านี้เรารู้ว่าอาจารย์เปาโลได้กล่าวว่า:

กิจการ 25:7-8 ครั้นเปาโลเข้ามาแล้ว พวกยิวที่ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มก็ยืนล้อมไว้รอบ และกล่าวความอุกฉกรรจ์ใส่เปาโลหลายข้อ แต่พิสูจน์ไม่ได้  เปาโลจึงแก้คดีเองว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำอะไรผิดกฎหมายของพวกยิว หรือต่อพระวิหาร หรือต่อซีซาร์”

“ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำอะไรผิดกฎหมายของพวกยิว หรือต่อพระวิหาร หรือต่อซีซาร์”

อาจารย์เปาโลอ้างว่าเขาไม่ได้ทำกฎหมายของยิวหรือของโรมัน เราสรุปได้ว่า อาจารย์เปาโลกำลังพูดความจริงและไม่เคยออกนอกขอบเขตของสิ่งที่โมเสสและศาสดาพยากรณ์สอนและด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยละเมิดกฏหมายของยิวเลยหรือไม่เช่นนั้นเขาก็โกหก!

อาจารย์เปาโลเป็นสาวกที่แท้จริงของพระคริสต์ที่ยึดมั่นในคำสอนของพระองค์และปฏิบัติตามด้วยตัวเองนั่นคือเหตุผลที่เขาบอกว่า:

ท่านทั้งหลายก็จงปฏิบัติตามอย่างข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามอย่างพระคริสต์ (1 โครินธ์ 11:1)

คนอื่น ๆ เป็นพยานอะไรเกี่ยวกับคำสอนของอาจารย์เปาโล

เรามีพยานหลายคนที่รู้เห็นเกี่ยวกับสิ่งที่อาจารย์เปาโลสอนและในสิ่งที่เขาไม่ได้สอน! ข้อที่โดดเด่นที่สุดพบได้ในกิจการ 21 ซึ่งยากอบเป็นพยานในนามของเปาโลว่าเปาโลไม่ได้สอนให้ละเมิดกฎของโมเสสหรือประเพณีของชาวยิวและเปาโลเองก็รักษาธรรมบัญญัติ / โทราห์เราอ่าน:

กิจการ 21:20-24 ครั้นคนทั้งหลายได้ยินจึงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า และกล่าวแก่เปาโลว่า “พี่เอ๋ย ท่านเห็นว่ามีพวกยิวสักกี่พันคนที่เชื่อถือ และทุกคนยังมีใจร้อนรนในการถือพระราชบัญญัติ (21) เขาทั้งหลายได้ยินถึงท่านว่า ท่านได้สั่งสอนพวกยิวทั้งปวงที่อยู่ในหมู่ชนต่างชาติให้ละทิ้งโมเสส และว่าไม่ต้องให้บุตรของตนเข้าสุหนัตหรือประพฤติตามธรรมเนียมเก่านั้น(22) เรื่องนั้นเป็นอย่างไร คนเป็นอันมากจะต้องมาประชุมกัน เพราะเขาทั้งหลายจะได้ยินว่าท่านมาแล้ว (23) เหตุฉะนั้นจงทำอย่างนี้ตามที่เราจะบอกแก่ท่าน คือว่าเรามีชายสี่คนที่ได้ปฏิญาณตัวไว้ (24) ท่านจงพาคนเหล่านั้นไปชำระตัวด้วยกันกับเขาและเสียเงินแทนเขา เพื่อเขาจะได้โกนศีรษะ คนทั้งหลายจึงจะรู้ว่าความที่เขาได้ยินถึงท่านนั้นเป็นความเท็จ แต่ท่านเองเป็นผู้ยึดถือและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอยู่ 

ให้เราดูใกล้ๆ สิ่งแรกที่เด่นชัดสำหรับผมคือคำพูดของยากอบ:

พี่เอ๋ย ท่านเห็นว่ามีพวกยิวสักกี่พันคนที่เชื่อถือ และทุกคนยังมีใจร้อนรนในการถือพระราชบัญญัติ

การแสดงความกระตือรือร้นในการถือพระราชบัญญัติเป็นสิ่งที่ดีมาก! โปรดสังเกตด้วยว่าชาวยิวหลายคนเชื่อสาเหตุที่พวกเขาเชื่อเพราะอาจารย์เปาโลใช้คำจากพระราชบัญญัติของโมเสส และจากคัมภีร์ศาสดาพยากรณ์เพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์!

กิจการ18:4เปาโลได้โต้เถียงในธรรมศาลาทุกวันสะบาโต ได้ชักชวนทั้งพวกยิวและพวกกรีก 

กิจการ 28:23เมื่อเขานัดวันพบกับท่าน คนเป็นอันมากก็พากันมาหายังที่อาศัยของท่าน ท่านจึงกล่าวแก่เขาตั้งแต่เช้าจนเย็น เป็นพยานถึงอาณาจักรของพระเจ้า และชักชวนให้เขาเชื่อถือในพระเยซู โดยใช้ข้อความจากพระราชบัญญัติของโมเสส และจากคัมภีร์ศาสดาพยากรณ์เป็นหลัก 

กิจการ 17:10-12 พอค่ำลงพวกพี่น้องจึงส่งเปาโลกับสิลาสไปยังเมืองเบโรอา ครั้นถึงแล้วท่านจึงเข้าไปในธรรมศาลาของพวกยิว
ชาวเมืองนั้นสุภาพกว่าชาวเมืองเธสะโลนิกา ด้วยเขาได้รับพระวจนะด้วยความเต็มใจ และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะรู้ว่า ข้อความเหล่านั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่ เหตุฉะนั้น มีหลายคนในพวกเขาได้เชื่อถือ กับสตรีผู้มีศักดิ์ชาติกรีก ทั้งผู้ชายไม่น้อย

ข้อพระคัมภีร์ในกิจการ 17 รับประกันได้เมื่อมองใกล้ๆ สังเกตว่าชาวเมืองเบโรอาถูกเรียกว่ามีลักษณะที่สุภาพกว่าชาวเธสะโลนิกาเพราะพวกเขาได้รับพระวจนะด้วยความเต็มใจและตรวจสอบในพระคัมภีa closer lookร์ (ทานัคห์ /พันธสัญญาเดิม) ทุกวันเพื่อดูว่าเปาโลพูดหรือคำสอนอะไรที่สอดคล้องกับพันธสัญญาเดิม!

เป็นสิ่งดีที่ตรวจสอบคำสอนของอาจารย์เปาโลกับพันธสัญญาเดิม ซึ่งไม่ใช่ในสิ่งที่นิยมทำกันในคริสตจักรทุกวันนี้ ความจริงที่ระบุไว้ว่าการที่ชาวยิวหลายคนเชื่อนั่นหมายความว่าคำสอนของอ.เปาโลต้องสอดคล้องกับพันธสัญญาเดิม(ทานัคห์) เช่นเดียวที่เขาเป็นพยานต่อหน้าศาล!

เปโตรเป็นพยานในเรื่องคำสอนของอาจารย์เปาโลด้วย ลองดูคำพูดสุดท้ายของเปโตรที่พูดถึงผู้เชื่อใน 2 เปโตร 3

2 เปโตร 3:14-18 เหตุฉะนั้นพวกที่รัก เมื่อท่านทั้งหลายยังคอยสิ่งเหล่านี้อยู่ ท่านก็จงอุตส่าห์ให้พระองค์ทรงพบท่านทั้งหลายอยู่เป็นสุข ปราศจากมลทินและข้อตำหนิ และจงถือว่า การที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงอดกลั้นพระทัยไว้นานนั้นเป็นการช่วยให้รอด ดังที่เปาโลน้องที่รักของเราได้เขียนจดหมายถึงท่านทั้งหลายด้วย ตามสติปัญญาซึ่งพระองค์ได้ทรงโปรดประทานแก่ท่านนั้น เหมือนในจดหมายของท่านทุกฉบับ ท่านได้กล่าวถึงเหตุการณ์เหล่านั้น และในจดหมายนั้นมีบางข้อที่เข้าใจยาก ซึ่งคนทั้งหลายที่ไม่ได้เรียนรู้และไม่แน่นอนมั่นคงนั้นได้เปลี่ยนแปลงเสีย เหมือนเขาได้เปลี่ยนแปลงข้ออื่นๆในพระคัมภีร์ จึงเป็นเหตุกระทำให้ตัวพินาศ เพราะเหตุนั้น พวกที่รัก เมื่อท่านทั้งหลายรู้เรื่องนี้ก่อนแล้ว ท่านก็จงระวังให้ดี เกรงว่าท่านอาจจะหลงไปกระทำผิดตามการผิดของคนชั่ว และท่านทั้งหลายจะสูญเสียความหนักแน่นมั่นคงของท่านแต่ขอท่านทั้งหลายจงเจริญขึ้นในพระคุณ และในความรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา สง่าราศีจงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ เอเมน

เปโตรยืนยันว่าคำสอนของอ.เปาโลสอดคล้องกับคำสอนในพระคัมภีร์ “เช่นเดียวกับที่เปาโลน้องที่รักของเราเขียน” และในจดหมายนั้นมีบางข้อที่เข้าใจยาก ซึ่งคนทั้งหลายที่ไม่ได้เรียนรู้และไม่แน่นอนมั่นคงนั้นได้เปลี่ยนแปลงเสีย เหมือนเขาได้เปลี่ยนแปลงข้ออื่นๆในพระคัมภีร์  อีกครั้งการเขียนของอาจารย์เปาโลตรงกับพระคัมภีร์ข้ออื่นๆ!จากนั้นเขาเตือนว่าอย่าหลงไปจากความผิดพลาดของคนที่ไม่มีพระบัญญัติเช่นเดียวกับที่เอาคำสอนของเปาโลไปใช้นอกบริบท!

ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วเปโตรกล่าวถึงพระกายของพระคริสต์ (ชาวยิวและชาวกรีก) ในคำพูดสุดท้ายของเขาเป็นพยานว่างานเขียนของอาจารย์เปาโลไม่ได้สอนให้ขัดต่อธรรมบัญญัติของโมเสส แต่สอดคล้องกับพระคัมภีร์อื่น ๆ (บัญญัติโมเสสและคำของศาสดาพยากรณ์ – พันธสัญญาเดิม) คนที่คิดอย่างอื่นจะนำไปสื่อการสอนผิด โดยเป็นคนที่ไม่มีมีธรรมบัญญัติ!

คนที่ไม่มีธรรมบัญญัติ= คนที่ไม่เชื่อว่าพระราชบัญญัติมีผลกับพวกเขา!

เราเห็นในตอนเริ่มต้นพระเยซูตรัสว่า: “ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง(ยอห์น 8:31)” ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ในคริสตจักรทั่วไปยึดมั่นในสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าคำสอนของอาจารย์แทนที่จะเป็นคำสอนของพระคริสต์ซึ่งเป็นสิ่งที่เปาโลเตือนใน 1 ทิโมธี 6: 3 และในกาลาเทีย 1 ด้วย

เราต้องกลับมาที่คำสอนและพระกิตติคุณของพระคริสต์!
เป็นผู้ติดตามพระองค์โดยดำเนินชีวิตอย่างที่พระองค์ทรงทำ! หรือตามที่อาจารย์เปาโลกล่าวไว้:

ท่านทั้งหลายก็จงปฏิบัติตามอย่างข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามอย่างพระคริสต์(1 โครินธ์11:1)

 

ขอพระเจ้าอวยพรท่านและอย่าลืมทดสอบทุกสิ่ง!