เชมา Shema ที่สอง (שְׁמַע שֵׁנִי)
เชมา Shema (שְׁמַע): หมายถึงฟังเอาใจใส่หรือได้ยินแล้วทำตามจริงและเชื่อมโยงโดยตรงกับการแสดงในสิ่งที่คุณได้ยินไม่เพียงแต่แค่ฟังอย่างเดียว! เชมา Shema (ได้ยินแล้วทำตาม) เป็นที่รู้จักกันดีในชุมชนชาวฮีบรูและมีอยู่ 3 ส่วนดูใน:
- เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4-9
- เฉลยธรรมบัญญัติ 11:13–21
- กันดารวิถี 15:37-41
ส่วนที่หนึ่ง ของ เชมา Shema(ได้ยินแล้วทำตาม) มีอยู่ในเฉลยธรรมบัญญัติ 6: 4-9
เฉลยธรรมบัญญัติ 6: 4-9 โอ คนอิสราเอล จงฟังเถิด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทั้งหลายเป็นพระเยโฮวาห์เดียว 5 พวกท่านจงรักพระเยโฮวาห์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน และด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน 6 และจงให้ถ้อยคำที่ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่านในวันนี้อยู่ในใจของท่าน 7 และพวกท่านจงอุตส่าห์สอนถ้อยคำเหล่านี้แก่ลูกหลานของท่าน เมื่อท่านนั่งอยู่ในเรือน เดินอยู่ตามทาง และนอนลงหรือลุกขึ้น จงพูดถึงถ้อยคำนี้ 8 จงเอาถ้อยคำเหล่านี้พันไว้ที่มือของท่านเป็นหมายสำคัญ และจงเป็นดังเครื่องหมายระหว่างนัยน์ตาของท่าน 9 และเขียนไว้ที่เสาประตูเรือน และที่ประตูของท่าน
พระเยซู / เยชัวอาอ้างถึงพระบัญญัตินี้โดยตรงเมื่อถูกถามว่าพระบัญญัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออะไรเราอ่านในมัทธิว 22: 36-40:
อาจารย์เจ้าข้า ในพระราชบัญญัตินั้น พระบัญญัติข้อใดสำคัญที่สุด” พระเยซูทรงตอบเขาว่า “`จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของเจ้า ด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า’ นี่แหละเป็นพระบัญญัติข้อต้นและข้อใหญ่ ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ `จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’ พระราชบัญญัติและคำพยากรณ์ทั้งสิ้นก็ขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้”
ในความเป็นจริงที่ว่าพระเยซูยกคำนี้เป็นพระบัญญัติข้อแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดมีความสำคัญและแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงชี้ให้เราเห็นพระบิดาเสมอ
เชมา Shemaที่สอง (ได้ยินแล้วทำตาม) มีอยู่ในเฉลยธรรมบัญญัติ 11: 13–21 และข้อความสำคัญที่กลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือเราต้องเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าและไม่ปฏิบัติตามพระเจ้าอื่นใด
หลายคนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเราได้รับคำสั่งในโทราห์ให้ฟังผู้นั้นที่เหมือนโมเสสและถ้าใครไม่ฟัง เชมาShema(ได้ยินแล้วทำตาม) (שְׁמַע) ต่อพระองค์ เอโลฮิม Elohim (พระเจ้า)และคนนั้นจะถูกกำหนดโทษ! นี่เป็นคำเตือนที่หนักแน่นสำหรับผู้ที่ได้ยิน เชมาShema ครั้งที่สอง(พูดถึงเยชัวอา/พระเยซูที่จะมาภายหลัง)
เราอ่านในเฉลยธรรมบัญญัติ 18: 15-20
เฉลยธรรมบัญญัติ 18: 15-20 พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะโปรดให้ผู้พยากรณ์อย่างข้าพเจ้านี้เกิดขึ้นในหมู่พวกท่านจากพี่น้องของท่าน ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังเขา16 อย่างที่ท่านปรารถนาจากพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านที่โฮเรบในวันประชุมเมื่อท่านกล่าวว่า `อย่าให้ข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้า หรือได้เห็นเพลิงมหึมานี้อีกเลย เกรงว่าข้าพเจ้าจะตายเสีย 17และพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า `ซึ่งเขาพูดมาเช่นนั้นก็ดีอยู่18 เราจะโปรดให้บังเกิดผู้พยากรณ์อย่างเจ้าในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวบรรดาสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่ประชาชนทั้งหลาย19 ต่อมาผู้ใดไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา ซึ่งผู้พยากรณ์กล่าวในนามของเรา เราจะกำหนดโทษผู้นั้น 20 แต่ผู้พยากรณ์คนใดบังอาจกล่าวคำในนามของเราซึ่งเรามิได้บัญชาให้กล่าวหรือผู้นั้นกล่าวในนามของพระอื่น ผู้พยากรณ์นั้นต้องมีโทษถึงตาย’
ข้อความนี้มีหลายส่วนที่น่าสนใจมาก สิ่งแรกการพูดของผู้พยากรณ์จะพูดเฉพาะคำพูดตามวิธีของเอโลฮิม(พระเจ้า)เท่านั้น ดูข้อ18-19
18 …เราจะโปรดให้บังเกิดผู้พยากรณ์อย่างเจ้าในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวบรรดาสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่ประชาชนทั้งหลาย 19 ต่อมาผู้ใดไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา ซึ่งผู้พยากรณ์กล่าวในนามของเรา เราจะกำหนดโทษผู้นั้น
ตอนนี้ให้เรามาดู ว่าอะไรที่พระเยซู (เยชัวอา) พูดเกี่ยวกับตัวพระองค์เอง
- ยอห์น 5:30
เราจะทำสิ่งใดตามอำเภอใจไม่ได้ เราได้ยินอย่างไร เราก็พิพากษาอย่างนั้น และการพิพากษาของเราก็ยุติธรรม เพราะเรามิได้มุ่งที่จะทำตามใจของเรา เอง แต่ตามพระประสงค์ของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา
- ยอห์น 7:16
พระเยซูจึงตรัสตอบเขาว่า “คำสอนของเราไม่ใช่ของเราเอง แต่เป็นของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา
- ยอห์น 10:37-38
ถ้าเราไม่ปฏิบัติพระราชกิจของพระบิดาของเรา ก็อย่าเชื่อในเราเลย แต่ถ้าเราปฏิบัติพระราชกิจนั้น แม้ว่าท่านมิได้เชื่อในเรา ก็จงเชื่อเพราะพระราชกิจ นั้นเถิด เพื่อท่านจะได้รู้และเชื่อว่าพระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา”
- ยอห์น 12:49-50
เพราะเรามิได้กล่าวตามใจเราเอง แต่ซึ่งเรากล่าวและพูดนั้น พระบิดาผู้ทรงใช้เรามา พระองค์นั้นได้ทรงบัญชาให้แก่เรา เรารู้ว่าพระบัญชาของพระองค์นั้นเป็นชีวิตนิรันดร์ เหตุฉะนั้นสิ่งที่เราพูดนั้น เราก็พูดตามที่พระบิดาทรงบัญชาเรา”
- ยอห์น 14:10
ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา คำซึ่งเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น เรามิได้กล่าวตามใจชอบ แต่พระบิดาผู้ทรงสถิตอยู่ ในเราได้ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์
สิ่งที่เยชัวอาเป็นพยานเกี่ยวกับพระองค์เองนั้นตรงกันอย่างสวยงาม ที่เราได้อ่านใน เฉลยธรรมบัญญัติ18:18-19.พระเยซู / พระเยชัวอาอ้างโดยตรงถึงเฉลยธรรมบัญญัติ 18:15 เราสามารถอ่านได้ในยอห์น 5 ข้อ 46:
ยอห์น 5:46 ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อโมเสส ท่านทั้งหลายก็จะเชื่อเรา เพราะโมเสสได้เขียนกล่าวถึงเรา
ครั้งที่สองที่โดดเด่นสำหรับผมคือใน เฉลยธรรมบัญญัติ18:20
(20) แต่ผู้พยากรณ์คนใดบังอาจกล่าวคำในนามของเราซึ่งเรามิได้บัญชาให้กล่าวหรือผู้นั้นกล่าวในนามของพระอื่น ผู้พยากรณ์นั้นต้องมีโทษถึงตาย’
เมื่อผมอ่านครั้งที่สองก็พบด้วยตัวเองว่า! ข้อความนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับเฉลยธรรมบัญญัติ 13 และการทดสอบของพระเจ้า(เอโลฮิม) ที่ให้เราตรวจสอบว่าบุคคลนั้นเป็นผู้เผยพระวจนะหรือครูจริงหรือไม่ หากต้องการอ่านในบริบทที่เหมาะสมเราต้องรวมข้อสุดท้ายของเฉลยธรรมบัญญัติบทที่ 12.
เฉลยธรรมบัญญัติ12:32-13:1-6
(ฉธบ12:32) ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าบัญชาท่านไว้นั้น จงระวังที่จะกระทำตาม ท่านอย่าเพิ่มอะไรเข้าหรือตัดอะไรออกไปจากสิ่งเหล่านั้น”
(ฉธบ13:1-6) “ถ้าในหมู่พวกท่านเกิดมีผู้พยากรณ์หรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์ขึ้น และสำแดงหมายสำคัญหรือการมหัศจรรย์แก่ท่าน 2 และหมายสำคัญหรือการมหัศจรรย์ซึ่งเขาบอกท่านนั้นสำเร็จจริง ถ้าเขากล่าวว่า `ให้เราติดตามพระอื่นกันเถิด’ ซึ่งเป็นพระที่ท่านไม่รู้จัก `และให้เรามาปรนนิบัติพระนั้น’ 3 ท่านอย่าเชื่อฟังคำของผู้พยากรณ์หรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์คนนั้น เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านลองใจท่านดู เพื่อให้ทรงทราบว่า ท่านทั้งหลายรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านหรือไม่ 4 ท่านทั้งหลายจงดำเนินตามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และยำเกรงพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และท่านจงปรนนิบัติพระองค์ และติดสนิทอยู่กับพระองค์ 5 แต่ผู้พยากรณ์หรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์คนนั้นต้องมีโทษถึงตาย เพราะว่าเขาได้สั่งสอนให้กบฏต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ และทรงไถ่ท่านออกจากเรือนทาส เขากระทำให้ท่านทิ้งหนทางซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านบัญชาให้ท่านดำเนินตามเสีย ดังนั้นแหละท่านจะต้องล้างความชั่วเช่นนี้จากท่ามกลางท่าน 6 ถ้าพี่ชายน้องชายของท่านมารดาเดียวกันกับท่าน หรือบุตรชายบุตรสาวของท่าน หรือภรรยาที่อยู่ในอ้อมอกของท่าน หรือมิตรสหายร่วมใจของท่าน ชักชวนท่านอย่างลับๆว่า `ให้เราไปปรนนิบัติพระอื่นกันเถิด’ ซึ่งเป็นพระที่ท่านเองหรือบรรพบุรุษของท่านไม่รู้จัก
เปรียบเทียบสิ่งนี้กับข้อความของ เชมา Shema (ได้ยินแล้วทำตาม) ที่เราพบในเฉลยธรรมบัญญัติ 6 และ 11
เฉลยธรรมบัญญัติ 6:14 ท่านทั้งหลายอย่าติดตามพระอื่น ซึ่งเป็นพระของชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบท่าน
และ
เฉลยธรรมบัญญัติ11:16 จงระวังตัวอย่าให้จิตใจของท่านทั้งหลายลุ่มหลงและหันเหไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่น
ความสำคัญของสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ผู้ที่เปรียบเสมือนโมเสสที่เราได้รับคำสั่งให้ฟังแล้วทำตาม (เชมาพระองค์) โดยเชื่อมโยงโดยตรงในการตรวจสอบที่มอบให้เราเพื่อทดสอบว่า บรรดาผู้เผยพระวจนะหรือบรรดาครู ได้สอนให้เราปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่ และไม่สอนให้เราต่อต้านพระบัญญัติเหล่านั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพระเยชูไม่เคยสอนพระบัญญัติอื่นใด ที่ต่อต้านต่อคำของเอโลฮิม(พระเจ้า) เยชูวาผู้ที่เปรียบเสมือนโมเสสกล่าวด้วยตัวเองว่า:
มัทธิว 5:17 “อย่าคิดว่าเรามาเพื่อจะทำลายพระราชบัญญัติหรือคำของศาสดาพยากรณ์เสีย เรามิได้มาเพื่อจะทำลาย แต่มาเพื่อจะให้สำเร็จ”
พระองค์บอกให้เราฟังและเชื่อฟังพระองค์เช่นเดียวกับที่พระองค์ฟังและเชื่อฟังพระบิดา (เชมา ฟังแล้วทำตาม)
ยอห์น 15:10 ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา เหมือนดังที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดาเรา และยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์
โทราห์(พระคัมภีร์) สั่งให้เราทำเช่นเดียวกัน
เฉลยธรรมบัญญัติ18:15 พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะโปรดให้ผู้พยากรณ์อย่างข้าพเจ้านี้เกิดขึ้นในหมู่พวกท่านจากพี่น้องของท่าน ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังเขา
ส่วนที่ 3 ของ เชมาShema(ได้ยินแล้วทำตาม)ในกันดารวิถี 15: 37-41 และพบว่าสิ่งนี้ค่อนข้างน่าสนใจเช่นกัน กันดารวิถี 15: 37-41 กำลังพูดถึงการติดพู่ห้อยเสื้อผ้าเพื่อเตือนให้เราระลึกถึงการรักษาบัญญัติของเอโลฮิม(พระเจ้า)
กันดารวิถี15:37-41 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า 38 “จงพูดกับคนอิสราเอลและสั่งเขาให้ทำพู่ที่มุมชายเสื้อตลอดชั่วอายุของเขา ให้เอาด้ายสีฟ้าติดพู่ที่มุมทุกมุม 39 เพื่อเจ้าจะมองดูพู่นั้น และจดจำพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระเยโฮวาห์ และปฏิบัติตาม เพื่อเจ้าจะไม่กระทำอะไรตามความพอใจพอตาของเจ้าซึ่งเจ้ามักหลงตามนั้น 40 เพื่อว่าเจ้าจะจดจำและกระทำตามบัญญัติทั้งสิ้นของเรา และเป็นคนบริสุทธิ์แด่พระเจ้าของเจ้า 41 เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า”
เป็นการเตือนให้เราปฏิบัติตามพระบัญญัติทั้งหมดของพระองค์รวมถึงเชมา Shema ฟังแล้วทำตามครั้งที่สองด้วย ที่จะฟังและเชื่อฟังผู้ที่เปรียบเสมือน โมเสส นั่นคือ เยชัวอา/พระเยซูเท่านั้น
ขอพระเจ้าอวยพรท่านและอย่าลืมทดสอบทุกสิ่ง!